คนงานกำลังตัดอ้อย โปรดสังเกตต้นอ้อยข้างหลังที่แกร็นนิดเดียวแถมออกดอกด้วย)
ผ่านเมืองบีลีนสู่เมืองไจ๊โท มีโรงงานน้ำตาลขนาดใหญ่ด้วย แถวนี้เลยมีการปลูกอ้อยกันมาก แต่ต้นมันแคระแกร็นบอกไม่ถูก มีหมู่บ้านหนึ่งปลูกแต่ต้นตาลภูเขาไว้เป็นพัน ๆ ไร่ สำหรับตัดใบมาทำตับจากมุงหลังคา เขาตัดกันจนเหลือต้นละ ๓ - ๔ ใบ ถ้ามีใบที่ ๕ โผล่ขึ้นมาเมื่อไร ใบล่างสุดจะถูกตัดทันที..!
ที่น่าตกใจคือ เขาเอาแป๊บน้ำขนาดหกนิ้วมาทำเสาไฟฟ้าแรงสูง นอกจากลูกถ้วยที่เป็นเซรามิกแล้ว นอกนั้นเป็นโลหะทั้งหมด พลาดเมื่อไร ไม่ตายก็คางเหลือง..! แต่ดูเขาอยู่กันแบบมีความสุขดี ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนรำคาญใจสักคน เป็นเพราะอาตมาคิดมากไปคนเดียวกระมัง ? ของเขาขอแค่มีไฟฟ้าใช้ก็บุญแล้ว
หยุดฉันเพลกันที่ร้านผิ่นอู (แรกแย้ม) นอกเมืองไจ๊โท ท่านพรเห็นอาตมาฉันอะไรอร่อยไปหมด ทั้งที่ของบางอย่างหน้าตาไม่น่าไว้วางใจ เลยเกิดการแซวขึ้นมาว่า อาตมาคงเกิดเป็นพม่าบ่อย จึงคุ้นเคยกับอาหารแปลก ๆ
อิหยังบ่เคยสันหื้อสันหลาย ๆ มันกะสิแซ่บไปเองนั่นแล่ว
อาตมาบอก
เป็นพระเป็นเจ้าฉันยากก็อดไปเถอะ..!
เก้าคนจ่ายไปแค่ ๑,๒๕๐ จั๊ต เฉลี่ยคนละไม่ถึง ๒๕ บาท คิดแล้วราคาถูกมากสำหรับเรา แต่ถ้าเจอเงินเดือน ๑,๓๐๐ จั๊ต แบบที่นี่ จ่ายมื้อเดียวอดไปอีก ๒๙ วัน..! คิดแล้วมันน่าเศร้าใจ ใครที่คิดว่าจะลดค่าครองชีพด้วยการมาเที่ยวพม่า จงคิดซะใหม่ มันจะเสียผู้เสียคนเพราะมาอยู่ดีกินดีกว่าเขานั่นแหละ
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 17:18
|