ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 27-02-2024, 21:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,359 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่า..ถ้าสมาธิจิตของเราทรงตัว สิ่งกระทบภายนอกต่าง ๆ ก็จะเกิดผลแก่เราน้อยมาก หรือว่าไม่เกิดผลไปเลย ดังนั้น..โบราณที่ท่านรู้จริงในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จึงกําหนดวันพระ หรือที่เรียกเป็นภาษาบาลีว่า "วันธรรมสวนะ" คือ วันฟังธรรม ขึ้นมา เพื่อประโยชน์ต่อเราท่านทั้งหลายที่รู้ความจริงเรื่องนี้บ้าง ไม่รู้บ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายยึดถือและปฏิบัติตาม ๆ กันไป ผลดีก็ย่อมเกิดต่อท่านทั้งหลายไปโดยอัตโนมัตินั่นเอง

ส่วนวันสําคัญทางพระพุทธศาสนานั้น แต่เดิมไม่ได้กําหนดเอาไว้ มาเริ่มในสมัยรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของเรานี่เอง เนื่องจากว่าพระองค์ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ถึง ๒๗ พรรษา มีเข้าใจในเรื่องของพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง เมื่อค้นคว้าไปแล้วจึงได้กําหนดว่า วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๓ นั้นเป็นวันสําคัญมากวันหนึ่ง ก็คือเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงโอวาทปาฏิโมกข์ คืออุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในพระพุทธศาสนา เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้นําคำสอนไปเผยแพร่ในแนวเดียวกัน

ส่วนวันที่พระองค์ท่านประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ก็คือวันวิสาขบูชานั้น ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ตลอดจนกระทั่งวันที่ทรงแสดงปฐมเทศนา จนกระทั่งเกิดพระสงฆ์รูปแรกขึ้นในโลก ก็คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘

เมื่อพระองค์ท่านได้กําหนดวันสําคัญทั้งหลายนี้ขึ้นมาแล้ว ก็ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ก็คือให้มีการถือศีลปฏิบัติธรรม นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงสีลสุตาธิคุณอันงดงาม เข้าไปแสดงพระธรรมเทศนาถวายในทุกวันพระใหญ่ เป็นต้น แล้วก็ได้รับความนิยมในการปฏิบัติสืบ ๆ กันมา จนกระทั่งมาถึงรุ่นหลัง ๆ อย่างเราท่านทั้งหลาย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 28-02-2024 เมื่อ 08:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา