.....ท่องได้หรือยัง ? อ่านรอบเดียว ก็น่าจะจำได้แล้ว "สัตถา ธะนุง อากัฑฒิตุง นะ อะทาสิ" แปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า "อาวุธธนูให้ง้างได้ แต่ยิงไม่ได้"
เรื่องนี้เกิดจากพรานกุกกุฏมิตรออกล่าสัตว์ทั้งวัน แต่สัตว์ไม่ติดบ่วงเลยสักตัว เดินไปเจอพระพุทธเจ้าเข้า ก็ทึกทักเอาว่า "เป็นเพราะตัวกาลกิณีนี่แน่ ๆ เลย จำเราจะยิงทิ้งเสียเถอะ" แต่ทำอย่างไรพรานกุกกุฏมิตรก็ยิงธนูไม่ได้ ได้แต่ง้างธนูค้างอยู่ เพราะพระพุทธเจ้าทรงอธิษฐานไว้ด้วยคาถาบทนี้ แปลว่า "อาวุธธนูให้ง้างได้ แต่ยิงไม่ได้"
คราวนี้ลูกชายเห็นพ่อหายไปนานก็ออกไปตามหา ลูกทั้ง ๗ คนไปถึงเห็นเข้า ก็คิดแบบเดียวกันว่า บุคคลนี้ต้องเป็นศัตรูของพ่อแน่เลย เพราะพ่อทำท่าจะยิงธนูใส่ จึงตั้งใจยิงธนูใส่บ้าง พระพุทธเจ้าก็ทรงอธิษฐานแบบเดิมอีก ทำให้ลูกทั้ง ๗ คน ยืนนิ่งเป็นตอไม้ไปด้วย รวมพ่อด้วยก็ ๘ คนเข้าไปแล้ว
จนกระทั่งตอนเย็น ภรรยาพรานกุกกุฏมิตรสงสัยว่าสามีและลูกหายไปไหนหมด ก็ชวนลูกสะใภ้ทั้ง ๗ ออกไปตามหา เจอพ่อลูกกำลังทำท่าจะรุมยิงธนูใส่พระพุทธเจ้าอยู่ โดยที่พระพุทธเจ้าท่านนั่งเฉย ๆ แต่พวกสามีและลูก ๆ ยืนง้างธนูค้างอยู่อย่างนั้นก็ตกใจ อุทานว่า "อย่าฆ่าพ่อฉัน"
นายพรานคิดว่าเป็นพ่อตา เพราะภรรยาหนีตามมา ไม่เคยเห็นหน้าพ่อตาแม่ยายเลย พวกลูก ๆ ก็คิดว่าเป็นตาจริง ๆ กำลังใจก็คลายตัวจากการเป็นศัตรู พระพุทธเจ้าจึงอธิษฐานคลายฤทธิ์ ปล่อยให้พวกพรานพ่อลูกเป็นปกติ จากนั้นทั้งหมดก็นั่งลงกราบพระพุทธเจ้า
ภรรยาพรานกุกกุฏมิตรท่านเป็นพระโสดาบัน พระอริยเจ้านั้นถือว่า พระพุทธเจ้าเป็นพ่อทั้งนั้น พระพุทธเจ้าทรงเทศน์โปรดพรานกุกกุฏมิตรกับลูกชายและลูกสะใภ้รวม ๑๕ ท่าน ให้เป็นพระโสดาบันทั้งหมด จึงเลิกล่าสัตว์ไปโดยปริยาย
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2015 เมื่อ 09:28
|