การปฏิบัติของพวกเรานั้น อาตมาเคยเปรียบเทียบอยู่บ่อยครั้งว่า เหมือนเป็นการว่ายทวนน้ำ เราต้องว่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นก็จะไหลตามน้ำไป แต่ในการปฏิบัติของพวกเรา พอถึงเวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ แต่พอเลิกปฏิบัติก็ปล่อยทิ้งเลย
การปฏิบัติก็เหมือนกับว่ายทวนน้ำ พอปล่อยทิ้งก็ไหลตามน้ำไป พอปฏิบัติกลายเป็นก็เริ่มต้นว่ายทวนน้ำใหม่ ดังที่กล่าวไว้เสมอ ๆ ว่า เราจะกลายเป็นคนขยัน ทำงานทุกวันแต่ไม่มีผลงาน เพราะว่าการว่ายทวนน้ำใหม่ อย่างดีก็ได้เท่าเดิม หรือถ้าหากว่าวันไหนเหนื่อยล้า หรือร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย อาจจะได้น้อยกว่าเดิมเสียอีก
พวกเราทั้งหมดในที่นี้ จึงจำเป็นต้องย้ำในเรื่องของสมาธิ พยายามสร้างฌานสมาบัติให้เกิดขึ้นให้ได้ จริง ๆ แล้ว สมาธิไม่ใช่ของยาก การที่เราสามารถกำหนดรู้ลมได้โดยตลอด หายใจเข้ารู้ว่าผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกรู้ว่าลมออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..มาสิ้นสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาหรือไม่ภาวนาก็ตาม
ถ้าท่านสามารถรู้ลมครบ ๓ ฐานทั้งเข้าออก อาตมาขอยืนยันว่าท่านกำลังทรงปฐมฌานอยู่ เพียงแต่ว่าท่านจะสามารถทรงเอาไว้ได้นานแค่ไหนเท่านั้น
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงสมควรที่จะปฏิบัติ เพื่อให้เกิดฌานสมาบัติขึ้นในใจของตน แล้วจะได้อาศัยกำลังของฌานสมาบัตินี้ ในการระงับยับยั้งและตัดกิเลสของเรา สมาธิจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเราในตอนนี้ เพราะว่านอกจากจะสร้างสติสร้างปัญญาแล้ว ยังใช้ในการระงับยับยั้งกิเลสต่าง ๆ และใช้ในการตัดกิเลสด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2011 เมื่อ 02:57
|