"พอหลังอายุ ๓๐ ปี ไม่ต้องให้ท่านถามแล้ว ไปวิ่งหามาใส่เอง พอหลัง ๔๐ ปี ทำอะไรก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย หลัง ๕๐ ปีนี่แย่แล้ว ก่อนหน้านี้บอกเหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว ยังตื๊อต่อได้เป็นวัน ๆ สมัยนี้ถ้าบอกไม่ไหวแล้วคือต้องหยุดเลย หมดก๊อกจริง ๆ พลังงานสำรองไม่มีแล้ว โบราณถึงได้บอกว่า "อายุ ๕๐ ปี ไปบ่ถึงมาทอดหุ่ย" เดินทางได้ไม่ไกลเท่าเดิม กลับมาก็ต้องพักกันนาน พออายุ ๖๐ ปี บอกว่า "เป่าขลุ่ยบ่ดัง" ไม่มีลมหายใจเป่าขลุ่ย แค่หายใจเองก็ลำบากแล้ว
ไปนึกถึงหลวงปู่องค์หนึ่ง คือ หลวงปู่พากุละ เป็นพระที่อายุยืนที่สุดในพระไตรปิฎก อายุ ๑๕๐ ปี ท่านเบื่อเพราะว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ไม่มี รุ่นน้องก็ไม่มี รุ่นลูกก็ไม่มี ที่เหลือก็เหลือแต่หลานกับเหลน ท้ายสุดท่านก็เทศน์สั่งสอนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเข้าห้องนั่งสมาธิไปพระนิพพานเลย
ไม่ได้ตายเพราะหมดอายุ แต่ว่าเบื่อร่างกายเต็มที จึงทิ้งร่างกายไปเลย ในอดีตชาติท่านสร้างส้วมถวายวัด เกิดมาชาตินี้เป็นผู้ที่เลิศในทางมีโรคน้อย นอกจากความหิวแล้วไม่เคยเป็นอะไรเลย เจ็บไข้ได้ป่วยปวดหัวตัวร้อนก็ไม่เป็น อายุยืนที่สุดที่ปรากฏในพระไตรปิฎก คือ ๑๕๐ ปี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2017 เมื่อ 02:58
|