ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถยกระดับจากศีล ๕ ขึ้นมาเป็นกรรมบถ ๑๐ ใหม่ ๆ ก็อาจจะไม่คุ้นชิน เพราะว่ากรรมบถ ๑๐ นั้นนอกจากไม่ฆ่าสัตว์แล้ว ยังต้องไม่ทำร้ายสัตว์ให้ลำบากด้วยเจตนา ก็แปลว่าต้องประกอบไปด้วยเมตตา กรุณาอย่างสูง
นอกจากไม่ลักขโมยแล้ว ยังไม่หยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ นอกจากไม่ละเมิดคนรักของคนอื่นแล้ว ของที่คนอื่นเขารัก เราก็ไม่ละเมิดด้วย ก็แปลว่าจะเป็นข้าวของเงินทอง หรือว่าสามีภรรยา ลูกเขาเมียใครเราก็ไม่ไปยุ่ง
นอกจากไม่พูดโกหกแล้ว ยังไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดให้คนแตกร้าวกัน แล้วก็ไม่พูดวาจาที่เพ้อเจ้อไร้ประโยชน์ ซึ่งตรงวาจาเพ้อเจ้อนี้มีหลายระดับขั้น เพราะว่าบุคคลที่กำลังใจสูงกว่า ก็ย่อมเห็นบุคคลที่กำลังใจต่ำกว่านั้นกำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่
ข้อสุดท้ายไม่ดื่มสุราเมรัยยังไม่พอ แม้กระทั่งยาเสพติดหรือว่าสิ่งอื่น ๆ ที่ดึงดูดให้เรายึดให้เราติดอยู่ อย่างเช่นว่าอาหารที่รสชาติถูกใจ เราก็ตัด เราก็ละออกไป
ถ้าหากว่ากำลังใจของท่านทั้งหลาย รักษากรรมบถ ๑๐ ได้โดยที่ไม่หนักใจเลย ขอให้รู้ว่ากรรมบถ ๑๐ นั้นเป็นคุณสมบัติของพระสกทาคามี
ศีล ๕ บริสุทธิ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นละเมิดศีล เป็นคุณสมบัติของพระโสดาบัน กรรมบถ ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระสกทาคามี ซึ่งตรงนี้ไม่มีตำราบอกเอาไว้ ส่วนศีล ๘ นั้น เป็นคุณสมบัติของพระอนาคามี ใครสามารถที่จะรักษาศีล ๘ ได้ โดยไม่หนักใจ โอกาสที่ท่านจะเข้าถึงมรรคผลจะง่ายมาก เพราะว่าศีล ๘ เอื้อต่อการประพฤติพรหมจรรย์อย่างยิ่ง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2021 เมื่อ 03:05
|