ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 26-01-2016, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,899 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๙

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึก...ไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ จะกล่าวถึงบรรดากองกรรมฐานต่าง ๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติของเรา อันดับแรกที่ทิ้งไม่ได้โดยเด็ดขาด คือ อานาปานสติ หรือการระลึกถึงลมหายใจเข้าออก เพราะถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก เราก็ไม่สามารถที่จะสร้างสมาธิให้เกิดได้ กองกรรมฐานอื่น ๆ ก็ไม่สามารถที่จะทรงตัวอยู่ได้

การที่ใช้อานาปานสตินั้นควรที่จะควบพุทธานุสติไปด้วยเพื่อเป็นกำไร ก็คือการใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” ก็ดี “สัมมาอรหัง” ก็ดี ซึ่งทำให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เป็นปกติ หรือถ้าหากท่านใดถนัดในการจับภาพพระเป็นพุทธานุสติ นั่นก็เป็นส่วนของกสิณ ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งที่เราถนัด ยกเว้นว่าเราทำกรรมฐานกองเหล่านั้นได้ทั้งหมดแล้ว จึงนำมาประยุกต์รวมกันได้

ครั้นเราใช้อานาปานสติกรรมฐานควบกับพุทธานุสติกรรมฐานแล้ว เมื่อภาวนาไปจนอารมณ์ใจทรงตัว ก็ให้แผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า ตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก ตัวเมตตาพรหมวิหารจะช่วยให้กำลังใจของเราเยือกเย็น ชุ่มชื่น อิ่มเอิบ มีความไม่เบื่อไม่หน่ายในการปฏิบัติธรรม ไม่อย่างนั้นถ้าเราไม่มีการแผ่เมตตาเป็นปกติ ก็จะรู้สึกว่าแห้งแล้ง ติดขัด ไม่คล่องตัว

เมื่อแผ่เมตตาไปแล้วจนกระทั่งกำลังใจทรงตัวดี ก็หันมาพิจารณาให้เห็นชัดว่า ร่างกายนี้ก้าวเข้าไปสู่ความตายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็คือ มรณานุสติกรรมฐาน ชีวิตของเรามีอยู่แค่ชั่วลมหายใจเท่านั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าไปใหม่ก็ตายเช่นกัน ความตายมาถึงเราได้อยู่ทุกเวลา จึงไม่ควรประมาท ให้เร่งรัดการปฏิบัติให้มากเข้าไว้

เมื่อระลึกถึงความตายแล้ว ลำดับต่อไปก็ให้ทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ นั่นคือ สีลานุสติกรรมฐาน ตั้งใจระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ว่ามีความดีอย่างไร จนกระทั่งจิตใจของเราปรากฏความเลื่อมใสแน่นแฟ้น ไม่ล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ นั่นก็คือการระลึกถึง พุทธานุสติ ธัมมานุสติ และสังฆานุสติกรรมฐาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-01-2016 เมื่อ 11:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา