ดูแบบคำตอบเดียว
  #12  
เก่า 06-02-2012, 16:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,035 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวสอนพระบวชใหม่ว่า

พูดถึงเรื่องการปฏิบัติ ผมดีใจที่พวกเราชุดนี้สนใจการปฏิบัติกันมาก มีทั้งขออนุญาตเดินทางไกล ไปค้างคืน และมีการฝึกแบบทหารเพื่อทดสอบกำลังใจด้วย แต่เราต้องไม่ลืมว่ากำลังใจเราจะดีขนาดไหนก็ตาม หรือศึกษามามากขนาดไหนก็ตาม เราก็ยังอยู่ในสภาพของพระใหม่ ถ้ายังไม่เกิน ๕ พรรษา ถือว่าเป็นนวกะ ต้องอยู่ถือนิสัยภายใต้การอบรมของครูบาอาจารย์

เพราะฉะนั้น..ถ้าขออนุญาต ผมก็ผ่อนผันให้ไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไปแล้วจะทำอะไรได้อย่างใจตนเองทุกอย่าง ความที่เราเป็นพระใหม่ กิริยาอาการของฆราวาสยังมีอยู่ เราอาจจะไปทำให้โยมเขาเสื่อมศรัทธาโดยไม่รู้ตัว แม้กระทั่งในวัดของเรามีถนนเป็นทางผ่าน โยมเขาขับรถไปขี่รถมาก็เห็นได้ อย่างเช่นถ้าเรานุ่งผ้าอาบผืนเดียว ถือแปรงสีฟันขันน้ำไปห้องน้ำ หรือไม่เวลาทำงานก็ขัดเขมร ถกสบง ถอดอังสะ

อย่าลืมว่าเราเป็นพระภิกษุสงฆ์ เป็นปูชนียบุคคล ญาติโยมเขากราบไหว้บูชา ก็แปลว่าทำอย่างไรที่ขันธ์ ๕ ของเรา จะยังชาวบ้านให้เลื่อมใสได้มากที่สุด เพราะฉะนั้น..ถึงต้องมีสมณสารูป นุ่งให้เรียบร้อย ห่มให้เรียบร้อยเป็นปริมณฑล เบื้องล่างเขาบอกว่าปิดหน้าแข้ง ผมเห็นหลายท่านนุ่งสบงลอยอย่างกับมินิสเกิร์ต..! จำไว้ว่านุ่งถึงครึ่งแข้ง เปิดหัวเข่าเมื่อไรก็โดนอาบัติเมื่อนั้น

โดยเฉพาะเณรชอบถลกสบงจริง ๆ อะไรจะร้อนขนาดนั้น ต่อไปอย่าทำให้เห็นอีก ผมถือว่าบอกแล้ว ถ้ายังทำให้เห็นอีกแสดงว่าอยากได้รางวัล ผมก็จะมีให้ ไม่หวง..!

ส่วนในเรื่องของการอดอาหาร มีทั้งส่วนดีและส่วนไม่ดี การที่เราอดอาหารเพื่อทดสอบการปฏิบัติ ในส่วนดีอันดับแรกก็คือ ไม่ต้องไปกังวลเรื่องอาหาร สามารถปฏิบัติได้ต่อเนื่อง เมื่อเวลาร่างกายรับอาหารเข้าไปจะเกิดความหนัก เลือดลมโคจรไม่คล่องตัว การภาวนาก็ไม่ดีเท่าที่ควร แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ต้องเป็นมัชฌิมาปฏิปทา คือพอเหมาะพอดีกับธาตุขันธ์ตัวเอง

ส่วนข้อเสีย ก็คือ เวลาอดอาหาร ร่างกายขาดสารอาหารที่เคยได้รับ เราจะหงุดหงิดฟุ้งซ่านได้ง่าย และถ้ารู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ใจจะกังวล ฉะนั้น..เอาให้พอดี จำไม่ได้ว่าเป็นใคร เขาบอกว่าสามมื้อเพื่อกาม ก็คือฆราวาส เพราะต้องทำงานและยังมีลูกมีเมียด้วย สองมื้อเพื่องาน ก็คืออย่างพระของเรา ฉันสองมื้อเพื่อจะได้ทำกิจการงานของสงฆ์ หนึ่งมื้อเพื่อพรหมจรรย์ ก็คือ จะทุ่มเทเรื่องการปฏิบัติ ตัดกังวลเรื่องกินให้มากที่สุด

ดังนั้น..ส่วนของความพอเหมาะพอดีจะต้องมี แต่ละคนถ้าเอาความเป็นสัปปายะ ก็คือ พอเหมาะ พอดี พอสมควรแก่ตัว การปฏิบัติจึงจะเจริญ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-10-2012 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา