ดูแบบคำตอบเดียว
  #17  
เก่า 02-11-2009, 19:03
วาโยรัตนะ วาโยรัตนะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 13,972
ได้รับอนุโมทนา 45,909 ครั้ง ใน 953 โพสต์
วาโยรัตนะ is on a distinguished road
Default

๙."บันไดปราบเซียน"

เส้นทางการบิณฑบาตสงเคราะห์ญาติโยมของวัดท่าขนุนช่วงเข้าพรรษาจะมีอยู่สี่เส้นทาง คือ ตลาดทองผาภูมิ,ปอมเป,วังใหญ่,บ้านบน ตอนแรกหลวงพ่อท่านประกาศรับอาสาสมัครบิณฑบาตสายปอมเป ก็มีกระผม,พระครูน้อยเป็นหัวหน้าชุด,อาจารย์พงษ์,หลวงพี่ดอย ,หลวงพี่คมสันต์,หลวงพี่อ้น หลวงพี่คมสันต์ท่านมาล้มป่วยเป็นมาเลเรียช่วงงานหลวงพ่อจังหวัดจึงเปลี่ยนเป็น "ขาจร" มาแทน คือใครสนใจหรืออยากเปลี่ยนจะบรรยากาศก็เชิญมาได้เลยยินดีต้อนรับทุกท่าน กระผมเองวันแรกเต็มกำลังใจเต็มที่ แต่กำลังตีน (ฝีเท้า) มันสู้ไม่ไหวบิณฑบาตหรือว่า "แข่งเดินเร็วกันแน่"

พระครูน้อย : หลวงพี่ผมขออภัยด้วยนะ เราต้องกลับไปถึงโรงครัวก่อนสายตลาด

ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : ครับ ๆ หลวงพี่ (โอ้โห...สุดยอด..ลิ้นห้อย)

ช่วงนั้นกำลังใจยังไม่ทรงตัวด้วย อย่างที่บอกว่า "มันอยากจะสึกสักวันละร้อยครั้ง" ช่วงบิณฑบาต "สายปอมเป" ภาวนาอะไรไม่ได้เลย เพราะกังวลเรื่องการเดิน กลัวไม่ทันเพื่อนด้วย เป็นอย่างนั้นอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ เห็นท่าไม่ดีถ้าเป็นแบบนี้เราขาดทุนยับแน่ ๆ ภาวนาก็ไม่ได้ขณะที่เดินแล้วจะเอาอะไรไปสงเคราะห์ญาติโยมเขา....จึงได้กราบเรียนสอบถามหลวงพ่อหลังทำวัตรเย็น

ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : หลวงพ่อครับผมบิณฑบาต"สายปอมเป" ผมเดินไม่ทันแล้วจับลมหายใจภาวนาก็ไม่ได้ด้วยครับ

หลวงพ่อท่านตอบด้วยประโยคสั้น ๆ แต่มีความหมายกินใจเหลือเกินว่า "ฝีมือยังไม่ถึง" บาดลึกไปถึงทรวงและแล้วกระผมก็ของเมตตาพระครูน้อยเปลี่ยนสายบิณฑบาตเป็นสายตลาดแทน เพราะคิดดีแล้วว่า เราเดินได้,จับคำภาวนา,จับลมหายใจได้ สงเคราะห์ญาติโยมได้เต็มที่และมันจะได้ไม่ขาดทุนในส่วนของเรามากนัก เรื่องนี้หลวงพ่อท่านเคยสอนเสมอว่า เวลาเดินบิณฑบาตให้ภาวนาหรือจับภาพพระไปด้วย ญาติโยมที่เขาใส่บาตรจะได้อานิสงส์เต็มที่

พระหนุ่มก็มีบ้างที่สายตามันจะสอดส่องหาอะไรสวย ๆ งาม ๆ หลายต่อหลายครั้งที่หลวงพ่อหันมามองพระเพื่อน (อันนี้ขอยืนยัน,นอนยัน,ตะแคงข้างยันว่า "ไม่ใช่ผม") ชนิดที่ว่า บรรยากาศใส ๆ กับภาพสาวสวย ๆ กลายเป็น "อสุภกรรมฐาน" ทันที

มาถึงช่วงที่ชาวบ้านเรียกว่า "วังลังกา" มีบ้านคุณป้าท่านหนึ่งท่านใส่บาตรเสมอ ๆ ทุกวัน แต่ตรงผนังหน้าบ้านนะสิ..ที่มีปัญหา ผมว่าไม่น่าจะใช่ป้าท่านติดเอง ลูกชายของป้ามากกว่าที่ติดรูป......ไว้หน้าบ้านแผ่นเบ้อเร่อ "งานเข้า" เล่นเอาพระหนุ่มวุ่นวายใจกันยกใหญ่...

ยุบหนอ..พองหนอ...ยุบหนอ..พองหนอ... เฮ้ย ๆ เอาบาตรกด "มัน" เอาไว้สิท่าน หรือไม่ก็ "หักคอไอ้เท่ง" ( "มัน" คือ โปเตโต้)

ปกติเวลาเดินบิณฑบาตพอรู้ว่าเป็นสาว ๆ ใส่บาตร ก็ก้มหน้าก้มตากันตามระเบียบ แต่มองไปเห็นง่ามเท้า "ขนาดง่ามเท้ายังสวยเลย" (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ จริง ๆ แล้วอยากใช่คำว่า "ง่ามตีน" แต่มันไม่เหมาะสมกับหน้าตาอย่างกระผมจึงใช้คำว่า "ง่ามเท้า" ดีกว่า) พ่อเจ้าประคุณ! อะไรมันจะขนาดนั้น วันนั้นผมเห็น "ง่ามเท้า" ของน้องหญิงคนหนึ่งบังเอิญเธอเหยียบขี้ไก่ด้วยสิ งานนี้มันไม่สวย....อย่างที่คิด เลยได้ "อสุภะง่ามเท้า" มาพิจารณาเป็นกรรมฐานแทน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



บิณฑบาตสาย "บ้านบน" ร่วมกับคณะหลวงตากวี,หลวงตาอ๊อด,หลวงตาอภิชาติ ชาวบ้านร้านตลาดแถบนี้มีเชื้อสาย "มอญ-พม่า" เยอะมาก แต่ "ศรัทธา" ที่เขามอบให้พระพุทธศาสนาช่างน่ายกย่องยิ่งนักหลายต่อหลายครั้งที่กระผมเห็นภาพคนเฒ่าคนแก่ ค่อย ๆ บรรจงนั่งพับเพียบลงกับพื้นดินแล้วกราบลงแทบเท้า ถึงแม้บางบ้านจะดูจากสภาพบ้านแล้ว นั่นมันบ้านหรือเพิงพัก เขายังให้ความอนุเคราะห์,สงเคราะห์ชนิดที่เรียกว่า "คนเมืองต้องอาย"

__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 28-06-2010 เมื่อ 22:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา