คนเดินอยู่นั่งไม่ได้ อาตมาขอยืนยัน ต้องคนยืนอยู่ถึงจะนั่งได้ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องของการเล่นโวหาร แต่ว่าเป็นความจริง ในเมื่อเป็นความจริง ก็เป็นสิ่งที่คนอื่นตรองตามแล้วเห็นจริงตามนั้น เหมือนดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงหลักธรรมแล้วบรรดาพระสาวกทั้งหลายตรองตาม ก็เห็นจริงตามนั้น เข้าถึงหลักธรรมนั้น ๆ ดังที่กล่าวว่า
“ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ” ดวงตาเห็นธรรมก็ปรากฏขึ้น
“ญานัง อุทะปาทิ” เครื่องรู้ปรากฏขึ้น
“ปัญญา อุทะปาทิ” ปัญญาปรากฏขึ้น
“วิชชา อุทะปาทิ” ความรู้จริงปรากฏขึ้น
“อาโลโก อุทะปาทิ” แสงสว่างแห่งธรรมย่อมปรากฏขึ้น
ฉะนั้น...ถึงเวลาเขามีการเบิกเนตรพระกันก็จะใช้คาถาบทนี้ว่า “จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิฯ” ท่องเป็นคาถาเบิกเนตรพระ ท่องเอาขลังกัน โดยที่ไม่ได้พินิจพิจารณาว่าคาถาหรือ กถา คือ วาจาเป็นเครื่องกล่าวเหล่านี้มาจากไหน ก็มาจากการเข้าถึงธรรมของพระอริยเจ้ารูปแรกในพุทธศาสนานี้ ก็คือ “พระอัญญาโกณฑัญญะ” เข้าถึงธรรมตรงที่ว่า “ยังกิญจิ สุมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมัง” คือ รู้แจ้งเห็นจริงว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับสิ่งนั้นก็ดับ
ดังนั้น...ถ้าหากว่าทุกข์ก็ย่อมเกิดแต่เหตุแห่งทุกข์ ถ้าหากว่าเหตุแห่งทุกข์ดับลงไป ความทุกข์ก็ย่อมดับไปด้วย นี่เป็นหลักการที่ปรากฏชัดเจนอยู่ในปฏิจจสมุปบาท ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ที่ว่า...
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
|