ตามที่บรรดาผู้รู้ทั้งหลายที่ได้รจนาไว้เป็นฉันท์ไพเราะเพราะพริ้งว่า “ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร ดุจดวงประทีปชัชวาล” หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้แต่ในสิ่งที่เป็นคุณความดี มีความถูกต้องมั่นคง สว่างรุ่งเรืองดังดวงประทีป
“แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน สว่างกระจ่างใจมล” ก็คือดวงประทีป หรือดวงไฟแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ ส่องสว่างอยู่ในดวงใจของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
“ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล และเก้ากับทั้งนฤพาน” หลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ประกอบไปด้วย มรรค ๔ ผล ๔ และพระนิพพาน ๑ ก็คือ โสดาปฏิมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค รวมทั้งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตผล กับพระนิพพานเป็น ๙ อย่างด้วยกัน
“สมญาโลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร พิสุทธิ์พิเศษสุกใส” เรียกว่า โลกุตรธรรม อันลึกซึ้งกว้างขวาง วิเศษสุด
“อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง” ท่านบอกว่าหลักธรรมที่เป็นเบื้องต้นที่จะน้อมนำเราไปสู่มรรค ๘ นั้นก็คือ ปริยัติก็คือการศึกษาเล่าเรียน และนำไปปฏิบัติคือทำจริงให้เกิดผล
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2018 เมื่อ 17:09
|