กรรมฐานทุกกองนั้น อารมณ์ตอนปลายเท่ากัน ก็คือจบลงที่ฌาน ๔ บางท่านอาจจะแย้งว่าอรูปฌานนั้นจบลงที่ฌาน ๘ อาตมาขอยืนยันว่า อรูปฌานนั้นเป็นฌาน ๘ ด้วยกำลังของฌาน ๔ ก็คือต้องใช้กำลังเท่ากับฌาน ๔ ในการปฏิบัติ แล้วบวกกับการพินิจพิจารณาในอารมณ์กรรมฐานนั้น ๆ จนกระทั่งเขาแยกไปนับเป็นฌานที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ แต่ความจริงแล้วกองกรรมฐานตรงนี้ ก็มีกำลังเท่ากับฌาน ๔ นั่นเอง เพียงแต่มีการแยกแขนงออกไปเล็กน้อยเท่านั้น
เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของการปฏิบัติของเรา ตราบใดที่เรายังไม่สามารถทรงฌานได้คล่องตัว ตราบนั้นเราก็ยังเป็นทาสกิเลสอยู่เต็มตัว
การที่เราทรงฌานได้คล่องตัว สภาพจิตเราจะพ้นจาก รัก โลภ โกรธ หลง ได้ชั่วคราว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มารจะมองไม่เห็นเมื่อบุคคลทรงฌาน เนื่องจากว่าสภาพจิตระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ลงไปได้ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นบริวารไม่สามารถรายงานให้พญามารรู้ได้ว่าเราทำอะไร ? อยู่ที่ไหน ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:03
|