"เหตุที่ต้องหมั่นภาวนาทบทวนอยู่ทุกวัน ก็เพื่อความคล่องตัวในการใช้งานในพระคาถาต่าง ๆ เหมือนกับเราลับมีดบ่อย ๆ ถึงเวลาจะใช้งานก็มีความคล่องตัว เพราะว่ามีดไม่ขึ้นสนิม ถ้าไม่หมั่นภาวนาเอาไว้ ถึงเวลาอาจจะหลงลืมได้ว่า พระคาถาแต่ละบทสำหรับใช้งานใดบ้าง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า อสชฺฌาย มลา มนฺตา อนุฏฺฐาย มลา ฆรา มนต์ไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน ผู้ครองเรือนไม่ขยันเป็นมลทิน ดังที่โบราณาจารย์แต่งไว้เป็นโคลงว่า
เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม.......ดนตรี
ห้าวันอักขระหนี...........เนิ่นช้า
สามวันจากนารี............เป็นอื่น
หนึ่งวันเว้นล้างหน้า.......หม่นไหม้ หมองศรี
เมื่อเราหมั่นภาวนาเอาไว้เสมอ เป็นการสะสมกำลังและความคล่องตัว ถึงเวลาก็สามารถใช้งานได้ทันที สมาธิที่ทรงตัวอยู่เสมอจะทำให้มีกำลังมาก ทำให้ใช้พระคาถาต่าง ๆ ได้ผลมากกว่าคนอื่น
สภาพจิตที่ยึดเกาะการภาวนาจนเคยชิน ยังให้เกิดอัปปนาสมาธิหรือที่เรียกว่า ทรงฌาน เป็นหลักประกันได้อย่างหนึ่งว่า ถ้าเราตายลงไปตอนนั้นก็จะไปสู่สุคติ ถ้าทรงฌานได้มั่นคงก็ไปเกิดเป็นพรหม ถ้าพลัดจากฌานอย่างน้อยก็ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2020 เมื่อ 07:53
|