"อาตมาเองไม่เคยโดนลงโทษด้วยความผิดเฉพาะตัว ส่วนมากก็โดนลงโทษร่วมกับเพื่อนฝูงที่ทำผิด ตามระเบียบของร้อยฝึกที่ว่า "มีอะไรรับผิดชอบร่วมกัน" ส่วนนี้เป็นการดีคือว่า ทุกคนจะพยายามตักเตือนกันไม่ให้ทำผิด เมื่อผิดไปแล้วต้องรับผิดชอบร่วมกัน ก็ทำให้ "ได้ใจ" กันมาก ดังนั้น..ทหารในแต่ละรุ่นจึงรักกันมาก ขนาดให้เพื่อนยืมนาฬิการาคาแพง ๆ ทีหนึ่งยี่สิบกว่าเรือนก็ยังได้..!
เมื่อจะมาโดนลงโทษด้วยการปั่นจิ้งหรีดพร้อมกับเพื่อนฝูง อาตมาก็จะกำหนดจิตนิ่งเอาไว้ในกึ่งกลางศีรษะ แล้วหมุนไปเถอะ ๑๐๐ รอบก็แล้ว ๒๐๐ รอบก็แล้ว ไม่รู้สึกเมาเสียที จนเพื่อนฝูงบางคนทนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่นักเรียนนายสิบสุรินทร์ จันทร์ท่าจีน ก็เป็นนักเรียนนายสิบศุภชัย บานเย็น ซึ่งอยู่ใกล้เคียงที่สุด เพราะว่าความสูงไล่เลี่ยกัน ต้องจับขากระชากให้ล้ม พร้อมกับคำรามใส่หูว่า "แม่งงเอ๊ยย.. ล้มสักทีสิวะ เพื่อนฝูงจะตายห่ากันหมดแล้ว..!"
จะเห็นได้ว่าการที่เราฝึกภาวนามาก่อน ช่วยให้การกระทำอะไรก็ตามเหนื่อยน้อยลง สามารถแสดงสมรรถภาพทางร่างกายออกมาได้มาก สมัยยังอยู่ที่วัดท่าซุง อาตมาออกกำลังกายด้วยการถูศาลา ถ้ามีเวลาเหลือก็เดินจงกรมทั้งวัน เมื่อไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ระยะแรกต้องอยู่คนเดียว ก็ใช้เวลาช่วงเช้ากวาดใบไม้ครึ่งเกาะ ช่วงบ่ายกวาดใบไม้ที่เหลืออีกครึ่งเกาะ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2020 เมื่อ 15:25
|