"พระพุทธเจ้าจึงได้เปรียบบุคคลเป็นบัวสามเหล่า ก็คือ
เหล่าที่ ๑ เป็นบัวพ้นน้ำ กระทบแสงแดดก็บานเลย
เหล่าที่ ๒ เป็นบัวปริ่มน้ำ จะโผล่พ้นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น
เหล่าที่ ๓ เป็นบัวกลางน้ำ โอกาสยังน้อยอยู่ ไม่แน่ว่าจะได้โผล่พ้นน้ำขึ้นมา อาจจะกลายเป็นอาหารของปลาและเต่าไปก็ได้
แต่คนมักจะเอาไปเปรียบกับบุคคลสี่ประเภทที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ จนกลายเป็นบัวสี่เหล่าไป บุคคลสี่ประเภทที่พระองค์ท่านเปรียบไว้ก็คือ
ประเภทที่ ๑ คือ อุคฆฏิตัญญู มีความฉลาดมาก แค่ฟังหัวข้อก็เข้าใจถึงธรรมเลย
ประเภทที่ ๒ วิปจิตัญญู ต้องอธิบายขยายความจึงจะเข้าใจ
ประเภทที่ ๓ เนยยะ ต้องเคี่ยวเข็ญกันขนาดหนัก ส่วนใหญ่ก็จะได้แค่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
ประเภทที่ ๔ ปทปรมะ พวกนี้ฉลาดเกินมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น ก็เลยสอนไม่ได้
เพราะฉะนั้น..ปทปรมะไม่ใช่คนโง่ เป็นคนฉลาด แต่ฉลาดเกิน ในเมื่อฉลาดเกิน ทำตัวเป็นน้ำล้นถ้วย เติมอะไรลงไปไม่ได้ ล้นหมด จึงหมดประโยชน์ ป่วยการที่จะสั่งสอน
ในเมื่อพระองค์ท่านเปรียบบัวสามเหล่าและบุคคลสี่ประเภท เขาเอามาจับยัดท่าไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นบัวสี่เหล่าไป"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2010 เมื่อ 02:14
|