ดูแบบคำตอบเดียว
  #54  
เก่า 05-05-2016, 15:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,912 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนเครื่องรางของขลังนั้น ถ้าแบ่งจริง ๆ จะแบ่งเป็น ๒ ส่วนคือส่วนของเครื่องราง ก็คือของที่สร้างขึ้นมาตามหลักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นตะกรุด เป็นลูกอม เป็นชานหมาก เป็นเบี้ยแก้ หมากทุยอะไรก็ตาม ส่วนในเรื่องของขลังมักเป็นไปตามธรรมชาติ เช่น บรรดาคดต่าง ๆ บรรดาเขี้ยว เขา งา ของสัตว์ที่ถือว่ามีเดชมีอำนาจกว่าปกติ แล้วยิ่งได้ครูบาอาจารย์มาลงอักขระเข้าพิธีก็ยิ่งขลังกันไปใหญ่

ในส่วนของเครื่องรางของขลัง ก็มีส่วนที่ทำถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน โดยเฉพาะที่เขาเรียกว่าเครื่องคาดราชศาสตรา ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นโลหะ ๓ ชนิด ที่เรียกว่า ๓ กษัตริย์ ก็คือ ทองคำ นาก แล้วก็เงิน เครื่องคาดราชศาสตราที่โด่งดังที่สุด ก็คือ ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช แต่ว่าตะกรุดที่ทำในลักษณะนี้ที่เห็นมา ที่สวยที่สุดกลับเป็นของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ของหลวงปู่ดู่เป็นตะกรุดไม้ไผ่ แต่ไม่ว่าจะเส้นยันต์หรือว่าอักขระของท่านชัดเจน สวยมาก ๆ พูดง่าย ๆ ว่า ไม่ต้องเอาเป็นเครื่องรางของขลังก็เป็นงานศิลปะในตัวอยู่แล้ว

ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชที่ดัง ๆ ก็สายวัดประดู่โรงธรรม ถามว่าสายประดู่โรงธรรมสืบสายมาอย่างไร ? ก็มาทางด้านหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ หลวงปู่อั้น วัดพระญาติ หลวงปู่สี หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อีกสายหนึ่งก็มาทางสายแม่กลองของหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ตำราเดียวกัน คาถาเดียวกัน ส่วนของหลวงปู่เทียมนั้นถือว่าเป็นรุ่นหลัง ของหลวงปู่เทียมส่วนใหญ่ทำเป็นตะกรุดมหาระงับตามสายแม่กลอง ตะกรุดมหาจักรพรรดิทำยาก ต้องตั้งราชวัตรฉัตรธงนิมนต์พระ ๑๐๘ รูปเจริญพุทธมนต์ แล้วนั่งลงอยู่ในนั้นแหละจนกว่าจะเสร็จ ก็แปลว่าแต่ละท่านทำได้ไม่กี่ดอกหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-05-2016 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา