ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 13-06-2009, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,945 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เคล็ดลับของมโนมยิทธิ คือ

อันดับแรก เราต้องเข้าใจว่าสภาพจิตของเราไม่มีอะไรขวางได้ ไม่ต้องผ่านขั้นตอนของการใช้ร่างกาย อย่างเช่นว่า ถ้าเราจะไปวัด ถ้าใช้มโนมยิทธินี่จะถึงวัดเลย ไม่ต้องเปิดประตู ไม่ต้องลงบันได ไม่ต้องไปเรียกหารถ ถ้าเรานึกถึงวัด สภาพวัดจะชัดเจนอยู่ตรงหน้า คนที่ได้มโนมยิทธิหรือคนได้อภิญญา เขาจะเห็นว่าอยู่ตรงนั้นเลย ที่ไหนก็ตาม ใกล้ไกลก็ตาม ไม่โดนจำกัดด้วยระยะทาง แค่นึกก็ถึงแล้ว เพราะฉะนั้น..เขาบอกว่าให้ยกจิตขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ถ้าเรากำหนดใจเลยว่าตรงหน้าคือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็ใช่เลย เพียงแต่ว่ารายละเอียดต่าง ๆ เราไม่คุ้นชิน เกิดความรู้สึกอย่างไรให้ตอบอย่างนั้นก่อน

แรก ๆ ภาพจะไม่ชัดหรือไม่เห็นเลย จะเป็นเพียงความรู้สึกเฉย ๆ พอเกิดความมั่นใจแล้วความชัดเจนจะค่อย ๆ มีมาเอง เพราะฉะนั้น..อันดับแรกก็คือว่า ไม่โดนจำกัดด้วยระยะทางเหมือนกับกายเนื้อของเรา แค่คิดก็ถึงแล้ว ใครสามารถคิดได้นี่...ฝึกมโนฯ ได้ทุกคน ดังนั้น..คนฝึกมโน ฯ บางคนก็มักจะงงว่า ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ? ความจริงก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก กว่าจะทำได้ ว่ากันมาหลายปีอยู่เหมือนกัน

ข้อที่สองก็คือ อย่ากลัว เราได้ยินว่ามโนมยิทธิเป็นการถอดจิตไป ก็กลัวว่าไปแล้วจะกลับไม่ได้ ไปแล้วเกิดไปเจออะไรน่ากลัว เราออกไปเหมือนกับทิ้งบ้านเปล่า ๆ แล้วผีจะมาขโมยตัวเราไปใช้ ถ้าเกิดความกลัวแบบนี้ก็จะไปไม่ได้

ข้อที่สาม ก็คือ อย่าอยากจนมากเกิน อยากแล้วไปปฏิบัติไม่ใช่ความผิด แต่ตอนภาวนาตามครูฝึกอย่าอยาก ความอยากมากก็เหมือนกับเรายืดคอออกจากช่อง มีช่องอยู่ตรงหน้าเพื่อให้เรามองเห็นอะไรได้ เราอยากมาก..ยืดคอจนเลยช่องแล้วจะไปมองเห็นอะไร

ข้อที่สี่ ก็คือ อย่าเป็นคนขี้สงสัย ด้วยการเก็บความรู้เก่า ๆ ที่ได้ยินมาบ้าง ได้ฟังมาบ้าง ได้อ่านหนังสือมาบ้าง เอาไปใช้ ผมโดนมาแล้ว ครูฝึกบอกให้ไปบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ของพระอินทร์ ผมก็ไป เห็นลุงแก่ ๆ คนหนึ่ง ครึ่งนั่งครึ่งนอนพิงหมอนขวาน นุ่งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว เสื้อก็ไม่ใส่ มีผ้าขาวม้าพาดบ่าอยู่ชิ้นเดียว เราก็ไปนั่งมอง "นี่หรือพระอินทร์..?" ท่านลุกนั่งตัวตรงถามว่า "แล้วเอ็งอยากดูแบบไหน ?" แค่ประมาณสองวินาทีท่านทำให้ดูเป็นร้อย ๆ แบบ แล้วท้ายที่สุดก็คือพระอินทร์ที่เราคิด แต่งตัวเป็นลิเกสีเขียว ๆ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราแบกเอาความรู้เดิม ๆ ไปแบบคนขี้สงสัย โอกาสที่จะเจอของจริงก็ยาก

ถ้าครูฝึกเขาไม่ลืมที่หลวงพ่อฤๅษีท่านบอกเอาไว้ จะมีอยู่ประโยคหนึ่ง ท่านบอกเอาไว้ติดหู ติดตา ติดใจนักปฏิบัติเลย อย่าลืมเป็นอันขาดก็คือว่า กราบขอบารมีพระพุทธเจ้า ขอรู้ให้เห็นตามสภาพความเป็นจริง ไม่อย่างนั้นบางทีท่านทดสอบเราว่าเราเชื่อไหม ? เพราะฉะนั้น..พระอินทร์ลักษณะที่เราเคยชินท่านไม่มา ท่านมาในลักษณะสบาย ๆ ของท่าน มาอย่างกับประเภทเป็นปู่ย่าตาทวดอยู่กับบ้าน

ข้อสุดท้ายก็คือว่า ต้องมีความมั่นใจในตนเอง ถึงได้บอกว่าแรก ๆ ครูฝึกเขาบอกให้ทำอย่างไรทำอย่างนั้น รู้อย่างไรตอบไปอย่างนั้น อย่ากลัวผิด แม้ว่านั่งอยู่ด้วยกันห้าคนหกคน เขาบอกว่าจุฬามณีหน้าตาเป็นอย่างไร เรารู้สึกไม่เหมือนเขาให้ตอบตามแบบของเรา สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นอย่างไร เรารู้สึกอย่างไรให้ตอบไปอย่างนั้น เพราะว่าถ้าเปรียบสวรรค์กับโลกมนุษย์แล้ว สวรรค์ชั้นหนึ่งเหมือนเข่งใบใหญ่ โลกก็เหมือนกับถั่วเม็ดเดียว หย่อนลงไปในเข่ง หาเจอไหมละ ? ฉะนั้น..ถ้าไม่ได้ลงที่เดียวกันจริง ๆ ก็จะเห็นไม่เหมือนกัน อย่างเรามากรุงเทพฯ คนหนึ่งอยู่ลาดพร้าว คนหนึ่งอยู่บางแค อยู่กรุงเทพฯ เหมือนกัน แล้วเห็นเหมือนกันไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2010 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา