ดูแบบคำตอบเดียว
  #49  
เก่า 19-02-2010, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,291 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราโดยธรรมชาตินั้น เหมาะที่จะกินพืชกินผักมากกว่า ดูเด็ก ๆ ก็แล้วกัน เด็กเกิดมาใหม่ ๆ พอฟันเริ่มงอก ฟันกระต่ายจะมาก่อน บอกลักษณะว่าเหมาะที่จะกินพืชมากกว่า โดยเฉพาะลำไส้ของคนยาวตั้งหลายฟุต ขดไปขดมาอยู่ข้างใน ลักษณะลำไส้อย่างนั้น กินอาหารพวกเนื้อไม่ได้

สัตว์พวกกินเนื้อ อย่างสิงโตหรือเสือ ลำไส้จะตรง ๆ เลย พอถึงเวลาก็ขับถ่ายออกมา แต่ว่าของเราลำไส้อยู่ในลักษณะที่ว่า อาหารต้องค่อย ๆ เดินทางเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ถ้าเป็นโปรตีนอยู่นาน ๆ แล้วจะเน่า กลายเป็นกรด ก็จะไปทำลายลำไส้ แล้วเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ง่าย ยิ่งถ้าใครท้องผูกยิ่งไปกันใหญ่เลย

เพราะฉะนั้น...พวกนักโภชนาการเขาก็เลยกำหนดว่า ถ้าหากกินอาหาร ควรจะเป็นพวกพืชผักสัก ๗๐ % ส่วนอาหารเนื้ออย่าให้เกิน ๓๐ %

แต่เดิมคนเรากินเนื้อ แต่พัฒนาการนาน ๆ ไปแล้ว ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด อาหารเนื้อนั้นหายาก จับได้ยาก ล่าได้ยาก ก็พัฒนามากินผักไปด้วย กินพืชไปด้วย ท้ายสุดจากที่เขี้ยวยาว ๆ ก็ค่อย ๆ หดไปเรื่อย ๆ พัฒนามา มีฟันตัด ฟันบด ในเมื่อร่างกายพัฒนามาลักษณะนี้ อวัยวะภายในก็พัฒนาตามไปด้วย กลายเป็นว่า เหมาะสมที่จะย่อยอาหารที่เป็นพืชผักมากกว่า ถึงได้ต้องใช้ลำไส้ที่ยาวมาก

ฉะนั้น..ต้องเปลี่ยน ถ้าใครที่ถนัดกินเนื้อมากกว่ากินผัก ต้องเปลี่ยนนิสัย ไม่อย่างนั้นจะเหมือนโยมที่พระครูแสงเขาว่า เป็นโรคมะเร็งลำไส้ ตัดลำไส้ทิ้งไม่ทัน เพราะมันลาม"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2010 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา