พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อากาศที่ทองผาภูมิตอนเช้าประมาณ ๑๙ องศาเซลเซียส ตอนบ่าย ๓๘ องศาเซลเซียส ขึ้นเท่าตัวพอดี ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็คงเจ็บไข้ได้ป่วยกันบ้าง
พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงการปฏิบัติธรรมให้ได้ผล ต้องอยู่ในสัปปายะ ๗ ประการ สัปปายะ คือ ความพอเหมาะพอดี มีอยู่ข้อหนึ่ง คือ อุตุสัปปายะ อากาศที่พอเหมาะพอดี ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป ทองผาภูมิหน้าร้อนก็ร้อนตับแตก หน้าหนาวก็หนาวแทบตาย เพราะโลหะธาตุใต้ดินมีเยอะมาก ถึงเวลาดูดความร้อนเร็วก็ร้อนจัด คายความร้อนเร็วก็หนาวจัด
อาวาสสัปปายะ ก็คือ ที่อยู่เหมาะสม ไม่ลำบากจนไป ไม่ใช่วิหารเก่าที่ต้องซ่อมแซม ไม่ใช่วิหารใหญ่โตเกินไปจนทำความสะอาดลำบาก ไม่ใช่วิหารที่เกลื่อนกล่นไปด้วยผู้คน เหล่านี้เป็นต้น
โภชนสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ ก็คืออาหารการบริโภคเหมาะสมกับธาตุขันธ์ตนเอง ถ้าอย่างอาตมาไปอยู่อีสานไม่ได้เพราะแพ้ข้าวเหนียว ฉันไปเมื่อไรก็ร้อนในแทบตาย
โคจรสัปปายะ ก็คือสถานที่ในการบิณฑบาตหาอาหารไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ไกลเกินไปก็ลำบากในการบิณฑบาตมาก ใกล้เกินไปคนก็มารบกวนได้ง่าย ให้อยู่ในประมาณสัก ๕ กิโลเมตรกำลังเหมาะ คนขี้เกียจเดินก็ไม่ไป
อาตมาเองเคยเดินบิณฑบาตไปกลับประมาณ ๑๐ กิโลเมตรครึ่ง พระอาคันตุกะมาอยู่ด้วยที่เกาะพระฤๅษี ตอนเช้าก็ออกบิณฑบาตด้วยกันประมาณ ๖ โมงเช้า กลับมาราว ๆ ๙ โมงเศษ ๆ บอกท่านว่าต้องการฉันอาหารเท่าไรให้แบ่งอาหารใส่บาตรไปเลย ส่วนที่เหลือกันไว้เผื่อพวกลูกศิษย์ เพราะช่วงนั้นฉันมื้อเดียว เหตุที่ฉันมื้อเดียวไม่ได้เคร่งอะไรหรอก กลับมา ๙ โมงกว่า ฉันเสร็จก็ ๑๐ โมงแล้ว ใครจะไปฉันเพลได้อีก ?
พอพระท่านแบ่งอาหารเสร็จก็บอกว่า “พระอาจารย์ครับ ผมขอไปนอนก่อนได้ไหมครับ ?” ถามว่าทำไมไม่ฉันก่อน ? “เป็นลมครับ” เดินขึ้นเขาลงเขา ๑๐ กิโลเมตรครึ่งทำท่าจะเป็นลม
ภัสสสัปปายะ ท่านบอกว่า ไม่สนทนาในสิ่งที่เป็นติรัจฉานกถาที่ขวางต่อการปฏิบัติ สนทนาแต่หลักธรรมที่ชวนให้ปฏิบัติ ชวนให้ละกิเลส
ปุคคลสัปปายะ บุคคลเหมาะสม นอกจากไม่ชวนขี้เกียจ ไม่ชวนให้ฟุ้งซ่านในการคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว เวลาติดขัดข้อธรรมปัญหาธรรมอะไร ยังสามารถที่จะสอบถามได้ ให้ท่านช่วยแก้ไขให้ได้ ส่วนใหญ่เน้นในเรื่องของครูบาอาจารย์
อิริยาปถสัปปายะ คือ อิริยาบถที่สบาย อิริยาบถใดที่ทำให้จิตไม่สงบ แสดงว่าอิริยาบถนั้นไม่เหมาะสม
ที่อาตมาไหม้ ๆ เกรียม ๆ อยู่นี่เป็นเพราะอุตุไม่สัปปายะ ไปตากแดดแบกฟืนเสียหลายคันรถ..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:03
|