ดูแบบคำตอบเดียว
  #60  
เก่า 27-06-2012, 09:48
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

พุทธประวัติย่อ

“... เบื้องต้นเจ้าชายสิทธัตถราชกุมารเสด็จออกผนวช ทรงเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างโดยทรงตัดความห่วงใยอาลัยเสียดายทุกประการ กระทั่งประชาชนทั้งหลายที่เห็นแก่ตัว ตำหนิติเตียนท่าน ว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนคับแคบ เอาตัวรอดเพียงพระองค์เดียว..

โดยลำพังพระกำลังความสามารถที่ทรงทำประโยชน์ให้แก่โลก ในความเป็นพระเจ้าแผ่นดินนั้นผลมีจำกัด ไม่สามารถทำประโยชน์แก่โลกได้มากมายทั่วไตรโลกธาตุ เหมือนความเป็นศาสดาเลย อย่างมากก็ได้เพียงขอบเขตขัณฑสีมาที่พระสิทธัตถราชกุมารทรงปกครองเท่านั้น ไม่เหมือนความเป็นศาสดาสอนโลกทั้งสาม เช่น กามภพ รูปภพ อรูปภพ ที่เรียกว่าไตรโลกธาตุ

พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเป็นครูสั่งสอน เมื่อเสด็จออกผนวชก็ทรงบำเพ็ญพระองค์อย่างเต็มพระสติปัญญา สละตัดความห่วงใยอาลัยเสียดายทั้งสิ้นที่โลกนิยมกัน ก็ตำแหน่งพระราชามหากษัตริย์ใครจะไม่ต้องการ ยศถาบรรดาศักดิ์ ความเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไพร่ฟ้าประชาชี บริษัทบริวาร พระชนกชนนี พระชายา พระราชโอรส สมบัติเงินทองข้าวของทั้งแผ่นดิน เป็นของพระเจ้าแผ่นดินทั้งสิ้น...

จากนั้นก็ทรงบำเพ็ญอยู่ในป่า การอยู่ การเสวย การใช้สอยต่าง ๆ เมื่อลดตำแหน่งจากความเป็นพระเจ้าแผ่นดินลงมาเป็นคนอนาถา หาที่พึ่งพาอาศัยไม่ได้แล้ว จะได้รับความทุกข์ความลำบากยากเย็นเข็ญใจมากน้อยเพียงใด ... ที่อยู่ที่หลับนอน การเสวย ตลอดยาแก้ไข้ ยารักษาโรคต่าง ๆ ไม่มีในสิทธัตถราชกุมารซึ่งกำลังเป็นอนาถานั้นเลย แม้เช่นนั้น ก็ไม่ทรงท้อพระทัย ทรงบำเพ็ญจนถึงขั้นสลบไสลไปในบางครั้ง ซึ่งบอกไว้ในตำรา ... ปรากฏว่า ทรงสลบไปถึงสามครั้ง หากไม่ฟื้นก็ต้องตาย นี่คือความทุกข์ความลำบากของต้นศาสนาเป็นมาอย่างนี้ เมื่อกาลเวลาที่ได้รับความทุกข์ความทรมานยิ่งกว่านักโทษในเรือนจำ ซึ่งเป็นอยู่ถึงหกปีผ่านไปแล้ว ...

ปฐมยาม ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติย้อนหลังได้กี่ภพกี่ชาติของพระองค์เอง ได้เกิดได้ตายท่องเที่ยวในวัฏสงสาร ทั้งภพน้อยภพใหญ่ทั้งสูงทั้งต่ำ คือขึ้นถึงชั้นพรหมโลกก็ถึง ลงจนถึงนรกอเวจีก็ลง เป็นอย่างนี้เหมือนสัตว์ทั้งหลายทั่ว ๆ ไปนั้นแล เมื่อพระองค์บำเพ็ญสมณธรรมคืออานาปานสติถูกทางแล้ว ได้บรรลุธรรมนี้ขึ้นมา ...

เมื่อได้ผลจากการบำเพ็ญอานาปานสติในปฐมยามนั้นแล้ว ก็ทรงทราบย้อนหลังถึงความเป็นมาของพระองค์ ว่าเคยเกิดเคยตายในภพในชาติเป็นสัตว์ เป็นเปรต เป็นผี หรือเป็นสัตว์นรก ตลอดถึงเทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม ประเภทใด พระองค์เคยเป็นมาหมด แล้วนับย้อนหลังได้หมด ตามร่องรอยแห่งความเป็นมาของพระพุทธเจ้า นี่พระองค์ก็ทรงทราบได้อย่างชัดเจน เป็นผลประจักษ์ในคืนวันนั้น

พอมัชฌิมยามนั้นก็บรรลุจุตูปปาตญาณ ทรงพิจารณาเรื่องความเกิดความตายของสัตว์โลกทั่ว ๆ ไปไม่มีประมาณ ก็ทรงทราบตลอดทั่วถึง เช่นเดียวกับพิจารณาความเป็นมาของพระองค์ จนถึงกับท้อพระทัยในการที่เกิดตายแบกหามทุกข์ตลอดมา ไม่มีสถานที่ใดที่จะปลงวางแห่งความทุกข์ เมื่อมีความเกิดผิด ๆ พลาด ๆ อยู่อย่างนี้แล้ว พระองค์จึงทรงย้อนพระทัยเข้ามาสู่ต้นเหตุอันใหญ่หลวงคือ อวิชชา ปัจจยา สังขารา เป็นต้น อวิชชาคือ ความมืดบอดปิดในหัวใจของสัตว์ สังขารก็ผลักดันให้คิดให้ปรุงในเรื่องในราวต่าง ๆ ซึ่งเป็นทางเดินของกิเลสอวิชชานั้นไปเรื่อย ๆ จึงพาสัตว์ให้เกิดให้ตายเรื่อย ๆ

พระองค์ทรงพิจารณาย้อนหน้าย้อนหลัง ถึงต้นเหตุแห่งการพาสัตว์ให้เกิดตายคืออะไร ? ก็มาได้ความที่อวิชชา ปัจจยา ทรงพิจารณาลงที่จุดนั้น.. เข้าสู่ต้นตอแห่งภพแห่งชาติ แห่งความทุกข์ความทรมานทั้งหลาย ได้ทราบอย่างประจักษ์พระทัย แล้วถอนขึ้นมา บรรดาอวิชชาที่ครอบงำในพระทัยของพระพุทธเจ้า ได้ถูกถอนขึ้นมาโดยสิ้นเชิง ... นั่นละ ที่ปัจฉิมยามก็บรรลุอาสวักขยญาณ คือสิ้นกิเลสโดยประการทั้งปวง สิ้นอาสวกิเลสหมดในปัจฉิมยามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เรียกว่าตรัสรู้ขึ้นมาในขณะนั้น ตัดภพตัดชาติความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่เป็นมาแล้วก็จะนับจำนวนไม่ได้ ที่จะเป็นต่อไปนั้นก็เป็นอันว่าสุดสิ้นลงแล้ว ในขณะที่อวิชชาตัวพาให้เกิดให้ตายได้ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ในวันเพ็ญเดือนหกตอนปัจฉิมยามฯ ...

นี่คือพระพุทธเจ้าทรงฝึกฝนอบรมพระองค์ คอยสังเกตสังกาการประพฤติปฏิบัติของพระองค์ เพราะไม่มีครูใดอาจารย์ใดจะมาสอนได้ เป็นลำพังของพระพุทธเจ้าเท่านั้น เพราะพระวิสัยของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์นั้น เวลาตรัสรู้ จะตรัสรู้โดยลำพังพระองค์เองทุก ๆ พระองค์ ไม่มีใครแนะนำสั่งสอนเลย จึงเป็นการยากการลำบาก นี่ละ..การฝึกฝนอบรมพระองค์จนได้เป็นศาสดาขึ้นมาแล้วก็ประกาศธรรม ... ทรงนำมาแสดงสั่งสอนสัตว์ทั้งหลายเรื่อยมา นี่เริ่มเป็นครูของโลกแล้ว เป็นครูของมนุษย์และเทวดา อินทร์ พรหมทั้งหลายในสามแดนโลกธาตุนี้...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-06-2012 เมื่อ 18:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา