ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 16-01-2014, 10:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,936 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๗

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไปจนสุด หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมาจนสุด จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่ดั้งเดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมรับปีใหม่ สำหรับท่านที่ไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัด ระยะนี้อาตมาเองก็สุขภาพชำรุด เนื่องการทำงานติดต่อกันไม่ได้พัก ประกอบกับอากาศหนาวมาก จึงเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องของความปกติ เพียงแต่ว่าถ้าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่านใดก็ตาม ให้ฉกฉวยประโยชน์จากเรื่องนี้ไว้ให้ได้

ความเจ็บป่วยนั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่เลิศ เป็นสิ่งที่ประเสริฐ มีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะสามารถช่วยบรรเทาความเมาในวัยของเรา สามารถช่วยบรรเทาความเมาในการไม่เจ็บไข้ได้ป่วยของเรา ความเมาในวัยคือรู้สึกว่าตัวเองยังหนุ่มยังสาว แข็งแรงอยู่ ความเมาในการไร้โรค ไร้ความเจ็บป่วย ทำให้เกิดความประมาท

เมื่อมีความเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดขึ้น เราต้องฉวยโอกาสพิจารณาให้เห็น ว่าธรรมดาของร่างกายเป็นเช่นนี้ สังขารัง โรคะนิทธัง ร่างกายนี้เป็นรังของโรค ปะภังคุณัง ต้องเน่าเปื่อยไปเป็นธรรมดา ตัวตนของเราก็เป็นเช่นนี้ ตัวตนของคนอื่นก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเราเห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ มีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา ก็แปลว่าที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงความทุกข์ของร่างกายว่า พยาธิปิทุกขา ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นทุกข์ เป็นความจริงแท้แน่นอน เราต้องยอมรับนับถือ เพราะพิสูจน์ทราบด้วยตัวเองแล้ว ว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนี้เป็นทุกข์จริง ๆ

ขณะเดียวกัน ความเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ใช่จะมาถึงทุกคน ถ้าไม่ใช่วาระของกรรมมาถึง ต่อให้เรียกร้องอย่างไร ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ปรากฏ องค์สมเด็จพระบรมสุคต ก่อนจะตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงสร้างบุญสร้างบารมีมาถึง ๒๐ อสงไขยกับอีกแสนกัป ก็คือสร้างบารมีในช่วงที่คิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ ๗ อสงไขย สร้างบารมีช่วงที่กล่าวว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๙ อสงไขย หลังจากนั้นก็พยายามทำกายวาจาใจของตนเอง เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า อีก ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้านับการเกิดแต่ละชาติของพระองค์ท่าน ซึ่งนับชาติไม่ถ้วน แต่ละชาติใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองไปเป็นจำนวนมหาศาล แล้วต้องเกิดมากมายหลายล้านอนันตชาติ ไม่ทราบว่าล้างผลาญทรัพยากรเป็นจำนวนงบประมาณสักเท่าไร คาดว่าจำนวนเงิน ๒ ล้านล้าน ๒ แสนล้านบาทที่เป็นงบประมาณซึ่งประเทศของเราจะปรับปรุงพัฒนาประเทศของเรา เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียวเท่านั้น

ในเมื่อต้องใช้งบประมาณมหาศาลขนาดนั้น แล้วพระองค์ท่านถึงจะได้รู้เห็นความทุกข์อย่างชัดเจน ก็แปลว่าโรคภัยไข้เจ็บที่เกาะกินร่างกายของเรานี้ มีคุณค่าเหลือเกิน ประมาณเป็นเงินทองไม่ได้ เพราะว่าซื้อไม่ได้ ถ้าไม่ใช่วาระกรรมมาถึงจริง ๆ ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

เมื่อสิ่งที่มีคุณค่าขนาดนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องใช้เวลาเนิ่นนานขนาดนี้ ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณไปขนาดนี้ เพื่อที่จะได้รู้เห็นตามความเป็นจริง ได้ปรากฏชัดขึ้นเบื้องหน้าของเราแล้ว ก็แปลว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นของที่ประเสริฐ เป็นของที่เลิศ เป็นของที่หาได้ยาก เป็นตัวเสริมปัญญาบารมี จะได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ร่างกายนี้เป็นทุกข์ ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้ เพราะคำว่าอนัตตานั้น แปลว่าไม่ใช่ตัวตนก็ได้ ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราก็ได้ อยู่นอกเหนือการบังคับบัญชาก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2014 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา