ประโยชน์ต่อไปนั้นเป็นความสุขในอนาคตเบื้องหน้า พระพุทธเจ้าหมายเอาการตายไปแล้ว ถ้าท่านทั้งหลายปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา เป็นปกติ ตายเมื่อใดก็มีสุคติ คือมีที่ไปที่ดี เกิดเป็นมนุษย์ใหม่ก็เป็นคนที่ดี มีฐานะร่ำรวย มีรูปสวย มีปัญญาดี
เกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็เสวยแต่อมตสุขอยู่ข้างบน เป็นระยะเวลาที่ยาวนานตามกำลังความดีที่เราทำไว้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็เพื่อประโยชน์สุขในอนาคตของเรา คือหลังจากละโลกนี้ไปแล้ว ตายจากโลกนี้ไปแล้ว เราสั่งสมความดีไว้ ต้องได้ไปดีแน่นอน
ท้ายสุดพระองค์ท่านกล่าวเพื่อประโยชน์สูงสุด คือการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง เข้าสู่พระนิพพานได้ เราจะได้เห็นได้ว่า ในส่วนของการละเว้นความชั่วทั้งปวงก็ดี การทำความดีให้ถึงพร้อมก็ดี พระพุทธเจ้าสอนเพื่อประโยชน์สุขของเราทั้งนั้น คือประโยชน์สุขในปัจจุบันนี้ ประโยชน์สุขในอนาคตข้างหน้า และประโยชน์สูงสุด คือการที่เราสามารถหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้
ในหลักการข้อสุดท้ายพระพุทธเจ้าตรัสว่า สะจิตตะปะริโยทะปะนัง ให้ชำระจิตของตนให้ผ่องใสจากกิเลส ก็คือให้พ้นจากความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง
การที่เราจะชำระจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลสนั้น สำหรับท่านที่ไม่มีพื้นฐานเลยก็ยากเป็นที่สุด แต่ถ้าท่านมีความพากเพียรพยายามจริง ๆ ก็ไม่ใช่ของที่ยากจนเกินกำลัง เพราะถ้าเราประกอบในกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริตแล้ว ในส่วนของความชั่วที่จะมาทำให้จิตใจของเราเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ก็เหลือน้อยเต็มที
แค่ท่านทั้งหลายเห็นความไม่เที่ยงของโลกนี้ เห็นความเป็นทุกข์ของโลกนี้ เห็นความตั้งอยู่ไม่ได้ของโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของเราก็ดี คน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของ แม้กระทั่งต้นไม้ ภูเขา ทั้งหลายก็ดี ในที่สุดก็เสื่อมสลายตายพังลงไปทั้งสิ้น
ขณะที่ดำรงชีวิตอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ตลอดเวลา ถ้าท่านทั้งหลายเห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ โลกนี้เป็นทุกข์ ถอนกำลังใจออกเสียได้ ไม่ยินดีที่จะมาเกิดในความทุกข์ทั้งหลายนี้อีก ท่านก็จะสามารถที่จะหลุดพ้น เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2010 เมื่อ 02:49
|