ดูแบบคำตอบเดียว
  #15  
เก่า 04-10-2021, 17:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,398 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเปรียบตามภาษาบาลีว่า ร่างกายนี้คือขันธ์ ๕ ซึ่งประกอบด้วย

รูป ก็คือสภาพที่จับได้ต้องได้ เป็นตัวเป็นตนนี้
เวทนา ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์
สัญญา ความรู้ได้หมายจำ
สังขาร ความนึกคิดปรุงแต่งไปทั้งด้านดีและไม่ดี
และวิญญาณ ประสาทความรู้สึกต่าง ๆ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ รวมขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนของเรา เรียกว่า ขันธ์ ๕ แค่ ๕ ประการนี้ก็ทุกข์ยากเหลือหลายแล้ว เรายังไปเสาะหาขันธ์ ๕ มาเพิ่มอีก กลายเป็นขันธ์ ๑๐ ก็คือมีครอบครัว มีคู่ครอง แล้วถ้าหากว่ามีลูกเล็ก ๆ ขึ้นมา คนหนึ่งก็เพิ่มเป็นขันธ์ ๑๕ สองคนก็เพิ่มเป็นขันธ์ ๒๐ ความทุกข์ยากนั้นยิ่งมากขึ้นหลายเท่า

โดยเฉพาะถ้าลูกเล็ก ๆ พ่อแม่ก็ต้องอดตาหลับขับตานอน คอยดูแล ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าหากว่ากลางดึกร้องไห้ขึ้นมา ก็ต้องทนง่วง ลุกขึ้นมาดูแล ลูกเจ็บป่วยก็เหมือนกับเราเจ็บป่วยไปด้วย

ความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ทับถมเพิ่มขึ้น ตามสิ่งต่าง ๆ ที่เราไขว่คว้าหามา บางคนต้องผ่อนบ้าน บางคนต้องผ่อนรถ บางคนต้องผ่อนสินค้าสิ่งอื่นต่าง ๆ เพื่อให้ครอบครัวมีความสะดวกที่จะดำรงชีวิตอยู่ ต้องทำงานด้วยความเหนื่อยยาก เงินทองได้มาก็กลายเป็นของคนอื่น ชีวิตมีแต่ความเครียดอยู่ตลอดเวลา ไหนจะลูก ไหนจะผัว ไหนจะเมีย ความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ทับถมเข้ามา..มากขึ้น..มากขึ้น..

ส่วนความทุกข์ที่เป็นปกติก็คืออาการเจ็บป่วย หนาว ร้อน หิว กระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ ร่างกายสกปรกโสโครก มีให้เราดูแลเป็นปกติ เป็นเช่นนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2021 เมื่อ 17:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา