ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 29-07-2009, 10:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,638
ได้ให้อนุโมทนา: 151,906
ได้รับอนุโมทนา 4,415,157 ครั้ง ใน 34,228 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในวันนี้ที่มาทบทวนเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เพราะว่าปฏิบัติไปแล้ว บางคนไปยึดไปกังวลกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นเบื้องต้นของการปฏิบัติ โดยที่ลืมไปว่าจะต้องละ จะต้องสลัดทิ้งมัน ทำให้อารมณ์ใจไม่ทรงตัว แล้วก็ไปฟุ้งซ่านซมซานอยู่กับมัน กำลังใจไม่ทรงตัว กำลังในการต่อต้านกิเลสก็ไม่มี อย่าว่าแต่จะตัดจะละเลย แค่สู้มันก็สู้ไม่ไหวแล้ว

เมื่อท่านสลัดเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ออกจากใจทั้งหมด อยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไหลออกไปตามคำภาวนา ไหลตามออกมาพร้อมกับคำภาวนา หรือกำหนดภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา

เมื่ออารมณ์ใจทรงตัวแน่วแน่แล้ว ก็ให้กำหนดใจแผ่เมตตาให้เป็นปกติ ส่งความหวังดีปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วสากลพิภพ ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นพ้นจากความทุกข์ ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นอยู่ดีมีสุข ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นอย่ามีเวร มีกรรมและเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ให้เป็นความรู้สึกที่ออกจากใจของเราจริง ๆ รักเขาเสมอตัวเรา สงสารอยากให้เขาพ้นทุกข์ พลอยยินดีเมื่อเขาอยู่ดีมีสุข ช่วยแล้วเต็มความสามารถ ช่วยไม่ได้ก็ต้องปล่อยวาง ยอมรับว่าวาระกรรมของเขามันยังแรงอยู่ไม่สามารถจะช่วยมากกว่านี้ได้

เมื่อรักษากำลังใจของพรหมวิหาร ๔ จนทรงตัวแล้ว ก็ให้พิจารณาดูร่างกายของเรา ว่ามันไม่เที่ยงอย่างไร เป็นทุกข์อย่างไร ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราอย่างไรบ้าง ถ้าสภาพจิตยอมรับเราก็จะก้าวสู่ความเป็นพระอริยเจ้าได้ง่าย แรก ๆ การพิจารณาต้องเอาให้ละเอียดมากที่สุด เหมือนกับตีอวนครั้งหนึ่งจะเอาปลาทั้งทะเล แต่พอทำบ่อย ๆ เข้า ความชำนิชำนาญเกิดขึ้น คราวนี้เราก็มุ่งเป้าเฉพาะจุดได้ เนื่องจากแค่บอกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา มันก็ยินยอมแล้ว รับแล้ว เชื่อแล้วว่าเป็นดังนั้น

ที่เรามุ่งเป้าเฉพาะจุดว่า ร่างกายเรานี้ไม่เที่ยงอย่างไร หรือจะดูว่าเป็นทุกข์อย่างไร หรือจะดูว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอย่างไร เมื่อเห็นตนเองมีสภาพอย่างนั้นแล้ว กายของคนอื่นก็เป็นอย่างนั้น วัตถุธาตุต่าง ๆ ก็เป็นอย่างนั้น ถ้าหากเราเห็นชัดเจนว่าทุกอย่างไม่มีอะไรทรงตัว เกิดมาเมื่อไรก็พบกับความทุกข์ยากเช่นนี้ ความอยากเกิดก็จะค่อย ๆ ลดน้อยถอยลง คลายลง การก้าวสู่ความเป็นพระอริยเจ้าก็จะเป็นเรื่องง่าย

ดังนั้น..ทุกท่านอย่าได้ทิ้งลมหายใจเข้าออก และหมั่นพิจารณาอยู่เสมอ ๆ บุคคลถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์ก็ไม่ชื่อว่าปฏิบัติตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า บุคคลที่เห็นไตรลักษณ์แล้ว ปลดได้ วางได้ เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมัน โอกาสก้าวสู่ความเป็นพระอริยเจ้าก็มีมากกว่าผู้อื่น

สำหรับวันนี้ก็ขอตักเตือนไว้สำหรับการปฏิบัติที่ถือว่าจริง ๆ แล้วเป็นพื้นฐานเบื้องต้น แต่เราอาจจะมองข้ามจนลืมไปแล้ว ให้ทุกคนกำหนดใจอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับคำภาวนาของเรา อยู่กับภาพพระของเรา อยู่กับการพิจารณาของเรา ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดเวลา แล้วจะให้สัญญาณบอกให้เลิกได้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-12-2009 เมื่อ 13:51
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา