ดูแบบคำตอบเดียว
  #9  
เก่า 13-11-2013, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,349 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาปฏิบัติแบบคนไม่มีเวลา ก็คือทำไปเรื่อย หมดสภาพอยากนอนตรงไหนก็นอนตรงนั้น คือในเรื่องของการปฏิบัติ ถ้ามัวแต่ไปวิตกว่าจะต้องกินที่นั่น จะต้องนอนที่นั่น จะเป็นเรื่องที่เป็นกังวลเสียเปล่า ตอนออกบิณฑบาตจะเป็นตอนที่รักษากำลังใจสุดชีวิตเลย เพราะว่าสิ่งที่มากระทบจะมีมาก สิ่งที่มากระทบที่ว่ามีมากก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสธรรมดานี่แหละ เพียงแต่ว่าในชีวิตฆราวาส เราอยู่กับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ บางทีก็ไม่รู้ว่ารบกวนการปฏิบัติ แต่ชีวิตของความเป็นพระ พอเราโดนตีกรอบ ก็อยากรู้อยากเห็นทุกเรื่อง “ขอมองสักนิดก็ยังดี” ทำนองนั้น

ญาติโยมหลายคนก็เมตตาเหลือเกิน รู้ว่าพระไม่ค่อยได้เห็นอะไร บางทีโยมลงมาใส่บาตร พอเปิดฝาบาตรเสร็จก็ก้มหน้าสำรวมตามพระวินัย “อะไรวะ..ขาวไปหมด..?!” ก็คุณเธอเล่นลงมาใส่บาตรในชุดนอนบาง ๆ นิดเดียว แขนเสื้อก็ไม่มี ข้างล่างก็ลงมาไม่ถึงหัวเข่า เขาคงรู้ว่าพระไม่ค่อยได้เห็นอะไร ไหน ๆ ใส่บาตรแล้วก็ทำบุญทางสายตาไปด้วยก็แล้วกัน..!

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้เราต้องรู้จักระมัดระวังตัวเอง ทำอย่างไรจะรักษาอารมณ์ในการปฏิบัติเอาไว้ได้ ก็ต้องพยายามที่จะจับลมหายใจเข้าออกพร้อมกับภาพพระ ในขณะที่เดินบิณฑบาต ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากวัดไป ถ้าพลาดตรงไหนก็เริ่มต้นใหม่ตรงนั้น ประคับประคองกันใหม่ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นความที่พยายามทำอย่างต่อเนื่อง เลยทำให้ในเรื่องของการปฏิบัติเริ่มมีความก้าวหน้ามากขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2013 เมื่อ 19:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา