ดูแบบคำตอบเดียว
  #13  
เก่า 30-09-2015, 16:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,256 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติที่แท้จริง ไม่ว่าอยู่ในอารมณ์ไหนต้องรักษากำลังใจเอาไว้ได้ โดยเฉพาะตอนชนกับเหตุการณ์จริง ๆ ทะเลาะกับเขาทำอย่างไรที่เราจะมีสติ การทะเลาะอย่างมีสตินี่สนุกมาก ปั่นหัวชาวบ้านเล่นได้ แต่อย่าไปทำนะ ก็เราไม่ได้โกรธจริง ๆ ในเมื่อไม่ได้โกรธจริง ๆ ก็แหย่เขาเล่นไปเรื่อย

ถ้าในช่วงระหว่างวัน รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมารู้สึกตัวแล้วรีบไล่ออกไปให้ทัน ก็แปลว่าการปฏิบัติของเราได้ผล แต่ถ้าไม่ทันก็จะโดนกิเลสลากไปไกลหลายกิโล ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นก็จะทำให้เราต้องขุ่นมัวไปเป็นวัน ๆ บางคนปฏิบัติมาอย่างดี ๑ อาทิตย์ ๒ อาทิตย์รักษากำลังใจได้ พอพังโครมเดียว คราวนี้กว่าจะเอาคืนได้เป็นเดือนเลย..! พวกนี้เราต้องระมัดระวัง แล้วก็รู้จักประคับประคองรักษาอารมณ์ใจของเราเองด้วย

จำไว้ว่าสภาพจิตที่ผ่องใสนั้นเป็นสิ่งที่หาค่ามิได้ ไม่ได้แปลว่าไม่มีค่า แต่มีค่าเกินกว่าที่จะประมาณได้ ทำอย่างไรที่เราจะรักษาสภาพจิตของเราให้ผ่องใสอยู่ได้ตลอดเวลา ถ้าทำได้จะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต ถ้าหากว่าทำไม่ได้ สภาพจิตที่ไม่ดีก็ดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา ถ้าหากจะดูตัวอย่างก็ดูตัวอย่างหลวงปู่หลวงพ่อท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีญาติโยมแห่กันไปหาเป็นหมื่นเป็นแสน แล้วขณะเดียวกันบรรดาเจ้าพ่อต่าง ๆ ก็มีแต่บรรดามือปืนหรือไม่ก็พวกจำหน่ายยาเสพติดล้อมรอบอยู่เหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่ดีดึงดูดในสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็ดึงดูดในสิ่งที่ไม่ดี

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสไว้ว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่มีใจเป็นผู้นำ มโนเสฏฐา สูงสุดก็ที่ใจ มโนมยา สำเร็จก็ที่ใจ ดังนั้น..เราต้องระมัดระวังรักษากำลังใจของเราให้ดีที่สุด ถามว่ารักษาแบบไหน ? ท่านบอกว่าต้องเหมือนกับแม่ลูกอ่อนที่มีลูกคนเดียว ต้องรักษา ต้องห่วง ต้องเฝ้าระวังสุดใจขาดดิ้นแบบไหน ก็รักษากำลังใจของเราแบบนั้น เหมือนอย่างกับคนที่ตาบอดไปข้างหนึ่ง ต้องระมัดระวังรักษาตาข้างที่ดีอยู่อย่างไร ก็ให้รักษากำลังใจแบบนั้น

ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ การปฏิบัติธรรมของเราจะก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสามารถรักษากำลังใจให้ต่อเนื่องอยู่ในความดีได้ แต่ด้วยเหตุที่ว่าเราเป็นปุถุชน ซึ่งแปลง่าย ๆ ว่าคนที่ยังหนาไปด้วยกิเลส ก็ต้องมี รัก โลภ โกรธ หลง บ้างเป็นปกติ แต่ว่าทันทีที่รู้ตัว ให้รีบขับไล่อารมณ์เสียเหล่านั้นออกไป รักษาอารมณ์ที่ดี ๆ ของเราเอาไว้ อย่าให้เสียชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2015 เมื่อ 16:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา