ดูแบบคำตอบเดียว
  #231  
เก่า 26-03-2014, 11:17
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

พอมันออก ทีนี้ปัญญามันไม่เหมือนสมาธิ สมาธิรู้อันเดียว ปัญญานี้แย็บออกตรงไหนรู้ตรงนั้น ๆ ทั้งโทษทั้งคุณรู้ไปพร้อม ๆ กัน ควรละอันไหน เห็นโทษอันไหน มันเห็นประจักษ์ ๆ ไม่ต้องถามใครนะ มันหากเป็นในจิต ทีนี้เราก็ เอ๊ะ ๆ .. ชอบกล ๆ ที่นี่นะ มันจะเริ่มละนะ ที่นี่นะ เอ๊ะ .. ชอบกล ๆ คิดไปแง่ไหนมันรู้แปลก ๆ ภูมิสมาธิมันรู้อันเดียวเท่านั้น มันไม่มีอะไรเป็นแง่ให้สัมผัส สัมพันธ์ให้ได้ข้อคิด ให้มีความเข้าอกเข้าใจในสิ่งเหล่านั้น

ที่นี้พอออกทางด้านปัญญา แย็บไปตรงไหน เช่นอย่างมองไปนี้ ‘ปั๊บ’ .. เห็นหมา มองไปนี้มันเห็นนี้ มองไปนั้นเห็นนั้น มันแปลกต่างกันไปเรื่อย ๆ ทีนี้เห็นอะไรทั้งเป็นโทษเป็นคุณ มันก็แยกก็แยะ จากนั้นมันก็เข้าใจ ๆ ทีนี้ดื่มละ ที่นี่.. เรื่องสมาธินี้จางไปแล้วไม่อยากเข้า ชักเพลินทางด้านปัญญา มันเข้าใจ ๆ ที่นี้แก้กิเลสมันก็แก้ด้วยปัญญา มันชัดอย่างนั้นนะ

‘โห แก้กิเลสมันแก้ด้วยปัญญา ไม่ได้แก้ด้วยสมาธิ สมาธิเราเป็นมานานเท่าไร ไม่เห็นกิเลสเหล่านี้หลุดลอยไปเลย แต่เวลาออกทางด้านปัญญากิเลสนี้เห็นประจักษ์ มันหลุดไป ลอยไปมากน้อยเพียงไรมันรู้ ๆ อ๋อ.. แก้กิเลสนี่ แก้ด้วยปัญญาต่างหาก’

นี่ละ.. เราเรียกว่าไม่พอดี คำว่าไม่พอดีคืออะไร ? ถ้าไปด้านปัญญามันก็เห็นคุณของปัญญา แล้วมาเห็นโทษของสมาธิ เสียอย่างเดียวมันไม่พอดีกัน ถ้าพอดีกันแล้วก็คือว่า เวลาออกทำงานเพื่อผลประโยชน์ทางด้านปัญญาก็ให้ออก ครั้นเวลาเข้ามาพักสมาธิเพื่อเอากำลังก็ให้พัก เข้าใจไหม เรียกว่าเหมาะสม มันเหมาะสมอย่างนั้น แต่ทีนี้มันไม่ออกอย่างนั้น.. เวลาออกมันเพลินเลยไม่สนใจกับสมาธินะ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2014 เมื่อ 13:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา