ดูแบบคำตอบเดียว
  #25  
เก่า 11-03-2015, 14:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,781 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านที่ไปงานหล่อพระวันที่ ๒๖ ก.พ. ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา จะเห็นว่า ช่างเขามีเตาหลอมแบบพิเศษที่ไม่ใช่เบ้า เป็นหม้อหลอม ใบหนึ่งจะได้น้ำหนักโลหะ ๘๐๐ กิโลกรัม ปรากฏว่าเขาต้อง ใช้หม้อหลอม ๒ ใบและเบ้าแบบปกติทั่วไปอีก ๖ เบ้า (เบ้าละ ๘๐ กิโลกรัม) เทไป ๒ หม้อหลอมกับอีก ๔ เบ้ากว่า

ส่วนที่เหลือช่างเขาหลอมทำเป็นชนวนทิ้งไว้ให้ ก้อนหนึ่งตก ๒๐-๓๐ กิโลกรัม พระท่านไปนั่งคุ้ยนั่งเขี่ย ไปหาพวกทองรอดเบ้า ปรากฏว่าอาตมาเอาปลอกกระสุนปืนชาตรี ที่เข้าพิธีตั้งแต่สมัยเสกมีดหมอชาตรีครั้งแรกที่วัดท่าซุง เอาไปเข้าพิธีประมาณ ๑ ลัง พอเจ้าของเขายิงเสร็จก็เก็บปลอกมา เอาไปให้หลอม

ตอนแรกช่างเขาบอกว่าหลอมไม่ได้เดี๋ยวระเบิด อาตมาก็เลยถามว่า "เอ็งเคยใช้ปืนไหม ? ข้าเป็นทหารเรียนอาวุธศึกษาได้ที่ ๑ มา ขอยืนยันว่าไม่ระเบิด" เขาบอกว่าเขาไปหลอมงานของใครมาก็ไม่รู้..ระเบิดมาแล้ว อาตมาขี้เกียจอธิบาย ก็เลยบอกว่า "ถ้าเอ็งคิดว่าทำไม่ได้ก็เก็บเตากลับไปเลย ไม่ต้องหลอมหรอก" ที่เขาหล่อแล้วระเบิดเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่ ๑ คือ ความหวังดีแต่ประสงค์ร้ายของคน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกปืนที่ด้านเพราะแก๊ปไม่ทำงาน แต่ดินปืนยังทำงานได้เป็นปกติ พอเห็นด้านก็เล่นหย่อนลงไปหลอมเลย โดนความร้อนขนาดนั้นแล้วจะเหลือหรือ ? ก็ระเบิดสิ..!

อีกประการหนึ่งลักษณะคล้ายกันก็คือ พอลูกปืนด้าน ด้วยความที่ตัวเองค่อนข้างเก่ง จึงงัดหัวกระสุนออกมา เทดินปืนทิ้งแล้วก็เอาไปหลอม แต่ลืมไปว่าแก๊ปท้ายกระสุนยังอยู่ ถึงแม้ว่าจะด้านก็จริง ถ้าโดนความร้อนขนาดนั้นก็ระเบิด เพียงแต่ว่าไม่แรงเท่ากับลูกปืนทั้งลูก อาตมาเองใช้ปืนจนกระทั่งหูเสียไป ๓๐-๔๐ เปอร์เซ็นต์ มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องแค่นี้ เห็นเขาโง่มากก็เลยขี้เกียจอธิบายให้ฟัง บอกว่าถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็เก็บของกลับไปเลย ท้ายสุดเขาก็เลยบ่นกระปอดกระแปดแล้วก็เอาไปหลอม แล้วก็ไม่เห็นว่าจะระเบิด ความเชื่อของคนบางทีก็เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา เชื่อโดยไม่พิจารณาว่าเป็นอะไร เห็นมาครั้งหนึ่งแล้วกลัวไปตลอดชีวิต

มีญาติโยมหลายท่านถวายทองที่มีส่วนประกอบของพวกเพชรพลอยอัญมณีมา อาตมาต้องแยกออกมา ไม่ได้หล่อให้ มีอยู่เส้นหนึ่งเป็นสร้อยคอ แล้วก็รู้สึกจะเป็นนิล อาตมาก็ดึงเฉพาะส่วนที่เป็นสร้อยลงไปหล่อ ส่วนที่เหลือก็แยกออกมาไปถวายเป็นพุทธบูชาเฉย ๆ เพราะว่าถ้าลงไปแล้วจะระเบิดจริง ๆ เนื่องจากว่าเพชรพลอยก็คือถ่าน แต่ว่าเป็นถ่านที่โดนความกดดันสูง ๆ ก็เลยแปรสภาพเป็นอัญมณี แต่ถ้าโดนความร้อนสูง ๆ ปกติของถ่านคือติดไฟ ถ้าขยายตัวไม่ทันก็ระเบิด จึงต้องแยกออกมา

สมัยนี้ต่างประเทศเขามีเทคโนโลยีเผาคนให้เป็นเพชร บางทีก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่รักมาก ถึงเวลาไปจ้างเขา จะเป็นเตาเผาความร้อนสูงมาก ที่แปรสภาพกระดูกให้เป็นเพชรไปเลย เพราะกระดูกก็คือคาร์บอน ก็คือถ่าน พอผ่านความร้อนและแรงอัดสูง ๆ จะกลายเป็นเพชร แล้วเขาก็เอามาเจียรนัย ประดับแทนความคิดถึงคนที่ตายไป หรือว่าสัตว์ที่ตายไป จะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ อะไรทำนองนั้น

เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีพวกนี้ก้าวหน้าขึ้น คิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวบ้านเราก็จะมี หรือไม่ก็อาจจะมีแล้วแต่อาตมายังไม่รู้ ถึงเวลาญาติผู้ใหญ่ตายก็จัดการเลย ความจริงถ้าอยากได้เพชรเม็ดใหญ่ ๆ ต้องให้เขารูดเนื้อออกก่อน เสร็จแล้วก็เอากระดูกมาตำอัดแท่งเผาอีกที คราวนี้จะได้ใหญ่สมใจนึก ถึงเวลาก็เลี่ยมห้อยคอไปเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2015 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา