ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 11-03-2024, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,378 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกประเภทหนึ่ง ก็ไปแบบกระผม/อาตมภาพ ก็คือมีจุดหมายไปโดยเฉพาะ อย่างเช่นว่า ตั้งใจไปพบบุคคลบางท่าน หรือว่าตั้งใจไปสงเคราะห์บุคคล หรือว่าคณะบุคคลบางคน

เมื่อวานนี้คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เจ้าของบริษัทเอ็นซีทัวร์ ก็ยังปรารภว่า "จัดทัวร์ไปเวียดนามมาหลาบสิบครั้งแล้ว ไม่เคยเจอประสบการณ์ดี ๆ อย่างที่หลวงพ่อเล็กเล่าให้ฟังเลย ที่หลวงพ่อเล็กกับคณะไปมา เจอแต่สิ่งดี ๆ ที่เหมือนกับมองโลกในแง่บวกทั้งนั้น" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า เป็นความเมตตาของหลวงปู่ติช กวาง ดึ๊ก ที่ท่านเมตตาไปรับถึงสนามบิน แล้วยังกำชับกำชามอบหมายให้เจ้าที่เจ้าทางแต่ละจุด แต่ละแห่ง ส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ

ดังนั้น..ในสถานที่ที่อากาศปิด พอเราไปถึงก็อากาศเปิดให้ถ่ายรูปกันได้อย่างที่พวกเราได้เฮกัน แม้กระทั่งปรากฏการณ์ที่เห็นได้ยากอย่าง "มังกรเมฆผงกเศียร" ที่ยอดเขา "สะพานแก้วมังกรเมฆ" พวกเราก็ได้พบ การขึ้นไปที่ยอดเขาฟานซีปัน ซึ่งปรากฏว่าอากาศปิดตั้งแต่เช้า พอเราโผล่ขึ้นไป แดดก็ออกให้ถ่ายรูปได้ เป็นต้น โดยเฉพาะไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม เจอแต่คนดี ๆ เจอแต่สิ่งที่สนุกสนาน ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ทำให้บุคคลซึ่งขยาดประเทศเวียดนาม อาจจะต้องมีแง่มุมใหม่ ๆ มามองกันเลยทีเดียว

ดังนั้น..
การที่ไปแบบมีจุดมุ่งหมายเฉพาะแบบนี้นั้น ต้องบอกว่ามีน้อยคนมากที่จะทำในลักษณะอย่างนี้ เนื่องเพราะว่าถ้าครูบาอาจารย์ไม่สั่ง หรือว่าพระท่านไม่สั่ง กระผม/อาตมภาพก็คงไม่ไปเหมือนกัน และโดยเฉพาะข้อจำกัดของตนเองก็คือ ถ้าหากว่าไปไหนแล้วต้องจ่ายเงินเองจะไม่ไป ยกเว้นว่าจะมีเจ้าภาพจ่ายให้ หรือว่าทางคณะทัวร์ให้ติดไปฟรี เป็นต้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้มีการเดินทางไปต่างประเทศน้อยมาก ยกเว้นระยะหลัง เมื่อลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) มาตั้งบริษัทเติมเต็มทราเวล เริ่มจัดทัวร์ ถ้าหากว่าเป็นระยะที่ไม่ได้ไกลนัก คือใช้เวลาไม่เกิน ๔ - ๕ วัน ที่หลวงตาพอจะปลีกตัวไปได้ ก็ชักชวนให้หลวงตาไปร่วมขบวนด้วยฟรี ๆ แล้วญาติโยมต่าง ๆ ที่ไปร่วมทาง ก็จะได้อาศัยหลวงตาไปไหนสะดวกขึ้น เป็นต้น ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น ถ้าหากว่าใครเชื่อก็ดีไป ถ้าไม่เชื่อก็ต้องรอการพิสูจน์กันอีกทีหนึ่ง

ดังนั้น..ที่ถามมาว่า กระผม/อาตมภาพ "ไปต่างประเทศเพื่ออะไร ?" ก็ขอกล่าวตอบแบบรวม ๆ กันว่า ถ้าหากว่าเป็นการไปท่องเที่ยว ก็ไปเปลี่ยนบรรยากาศ ให้รางวัลกับชีวิตของตนเอง ถ้าไปเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต ก็จะได้นำเอาสิ่งที่ได้พบได้เห็น มาปรับใช้กับวัดวาอารามและชุมชนรอบวัด อีกส่วนหนึ่งก็คือไปเพื่อที่จะทะลุทะลวงขีดจำกัดของตนเอง ต้องเรียกว่าเป็นความบ้าเฉพาะตัว ที่หลายท่านไม่ควรจะเอาอย่าง เพราะว่าโอกาสตายมีสูงมาก..!

ส่วนประการสุดท้าย ก็คือไปแบบมีจุดมุ่งหมายเป็นการเฉพาะ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปเป็นการเฉพาะ หากแต่ว่าเดินทางไปแล้วบ้าง หรือว่าไปถึงครึ่งค่อนทางบ้าง ก็ถึงจะมีจุดหมายที่ชัดเจนขึ้นมา เรื่องพวกนี้ไม่สามารถที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ล่วงหน้าได้ ว่าอะไรเป็นอะไร บางทีก็ยังมี
การไปใช้หนี้อีกด้วย อย่างเช่นที่บาดเจ็บกลับมาจากประเทศลาว เป็นต้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2024 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา