ดูแบบคำตอบเดียว
  #45  
เก่า 12-08-2012, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,264 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วการปฏิบัติในเรื่องของสมาธิ ?
ตอบ : สมาธิก็อยู่ที่เราสะสมไปเรื่อย ๆ อย่าอยากได้ดีเร็ว ถ้าอยากได้ดีเร็ว กำลังใจไม่รวมตัวหรอก แต่จะฟุ้งซ่านแทน เรื่องของสมาธิง่ายจะตายไป เอาให้ทรงตัวเมื่อไรจิตก็สงบเยือกเย็น รัก โลภ โกรธ หลงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะมีสติรู้เท่าทัน ถ้าหากว่ายังมีสติรู้ไม่เท่าทัน ก็แปลว่าสมาธิไม่ทรงตัว ก็เท่านั้นเอง

ถาม : ความรู้สึกของผมในการปฏิบัติสมาธิต่าง ๆ มีการแยกแยะความรู้สึกตัวเอง ไล่ขึ้นไล่ลงตามลำดับ แต่ยังไม่ค่อยเชื่อ เป็นอุปาทานหรือเปล่า ?
ตอบ : ก็ลองดู ถ้าหากนิวรณ์ ๕ ยังกินใจเราได้อยู่เป็นปกติ ถึงเวลารัก โลภ โกรธ หลงมา เราไม่สามารถที่จะนำอารมณ์ของเราเข้าไปสู่สภาพของสมาธิ เพื่อที่จะต่อต้านหรือหลบเลี่ยงกิเลสได้ ก็แปลว่าอุปาทานกิน แต่ถ้าถึงเวลาสามารถงัดเอาสมาธิมาสู้ได้อย่างเท่าทัน แสดงว่าความสามารถที่แท้จริงของเรามีอยู่ ไม่ใช่โกรธเขาไปตั้งชาติแล้วค่อยนึกถึงสมาธิขึ้นมาได้

ถาม : ฌานสี่ที่บอกว่า ถ้าเราปฏิบัติเข้าถึงแล้ว จะตัดการรับรู้ภายนอกไว้ ผมเคยทำได้แค่ครั้งเดียว แต่พอมาปฏิบัติแบบไล่อารมณ์ในแต่ละขั้น ยังมีความรู้สึกเหนืออารมณ์นั้นได้ แต่การรับรู้ภายนอกยังมี ?
ตอบ : ฌานมี ๒ รูปแบบ รูปแบบแรกเป็นการฝึก จะไม่รับรู้อาการภายนอก รูปแบบที่สองเป็นการใช้งาน ถ้าหากว่าเป็นฌานใช้งานจะรับรู้อารมณ์ภายนอกได้ทุกอย่าง แต่จะประมาทไม่ได้

เพราะฉะนั้น..ถ้าต้องการจะรู้ให้ชัดเจนให้ไปฝึกกสิณกองใดกองหนึ่ง การฝึกกสิณจะชัดที่สุดว่า สมาธิของเราทรงฌานแต่ละระดับได้หรือไม่ ถ้าไม่ถึงฌาน ๔ แบบคล่องตัว จะไม่สามารถอธิษฐานใช้ผลกสิณได้ บุคคลที่มีฌาน ๔ คล่องตัวจริง ๆ ฝึกกสิณพักเดียวก็ได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-08-2012 เมื่อ 10:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา