ถาม : เปรียบเทียบคนไม่ชอบทุเรียนทนกลิ่นทุเรียนที่ใส่มาในรถไม่ได้ แต่คนที่ชอบกลับไม่ได้กลิ่นเลยแม้พยายามสูดดม กับการที่เจริญอสุภกรรมฐานได้แล้ว จะเป็นว่าไม่ได้กลิ่นส้วมแบบที่ไปทิเบตหรือไม่ ?
ตอบ : ได้กลิ่นเป็นปกติ ดีไม่ดีก็ได้กลิ่นชัดกว่าปกติ เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายของเรานั้นเป็นเรื่องแปลก เพราะว่าสามารถปรับให้คุ้นชินกับสภาพรอบข้างได้เร็วมาก พอเริ่มคุ้นชินแล้วก็ไม่ได้นึกถึง พอไม่ได้นึกถึงก็เท่ากับไม่ได้กลิ่นไปโดยปริยาย
ถาม : แปลว่า ที่คนที่ชอบทุเรียนไม่ได้กลิ่นทุเรียน คือผลจากกิเลสหรือไม่ใช่ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือยังมีกลิ่นเป็นปกตินั่นแหละ เพียงแต่ว่าพอเราชินแล้วก็ไม่ได้ไปใส่ใจ ลักษณะแบบเดียวกับพวกโรงฆ่าสัตว์ พวกเราเข้าไปใหม่ ๆ เจอกลิ่นนี่หงายท้องตึงเลย แต่คนที่อยู่ที่นั่นเขาไม่รู้สึกอะไร เพราะว่าจมูกของเขาชินแล้ว
ถาม : คนที่ฝึกอสุภกรรมฐานได้ถึงที่สุด เวลาได้กลิ่นจะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ชัดเจนกว่าปกติมาก แต่ว่าสามารถวางอุเบกขาได้ เพราะว่าทรงฌานในอสุภกรรมฐานแล้ว ในเมื่อสภาพจิตทรงฌาน จึงไม่หวั่นไหวกับสิ่งภายนอก
มีประวัติอยู่ส่วนหนึ่งของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่ไม่ค่อยมีใครรู้หรือไม่ค่อยมีใครเล่ากัน ก็คือท่านไปธุดงค์ คราวนี้เมื่อออกจากป่ามา ก็มาขอพักที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากชายป่ามากนัก วัดนั้นมีสระน้ำอยู่ด้วย เมื่อเตรียมที่พักเสร็จแล้ว หลวงปู่ปานท่านก็สรงน้ำที่สระ ปรากฏว่าพระที่ไปด้วยไม่กล้าสรงน้ำนั้น เพราะเห็นชัด ๆ ว่าส้วมหลุมไหลลงไปในสระ แสดงว่าปล่อยไม่ได้ วางไม่ลง ทั้ง ๆ ที่น้ำทั้งสระมากพอที่กลิ่นจะไม่ปรากฏ แต่ด้วยความที่ตาเห็นเลยทำให้รังเกียจ ส่วนหลวงปู่ปานท่านปล่อยวางได้แล้ว จึงสรงน้ำหน้าตาเฉย
ถาม : คนที่ทรงฌานลักษณะนี้ ของรอบตัวจะเหมือนกันหมดที่เรียกว่าธรรมดาหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ต้องพิจารณาเห็นอย่างนั้นด้วย ไม่ใช่ว่าทรงฌานแล้วจะเป็นเลย ต้องมีปัญญาประกอบด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-09-2017 เมื่อ 08:28
|