"ในส่วนนี้เราจะเห็นว่า แม้กระทั่งสายการปฏิบัติเดียวกัน พอมีความต่างในแนวทางคำสอนก็แยกสายออกไปได้อีก เหมือนกับกิ่งไม้ มาถึงก็แตกง่าม เพราะฉะนั้น..ตรงนี้ภาษานักวิชาการเขาเรียก อาจาริยวาท ก็คือถือคำสอนของอาจารย์เป็นใหญ่
แม้กระทั่งสายวัดป่าในปัจจุบัน ถ้าเราสังเกตก็จะมีสายหลวงตาบัว ก่อนหน้านี้มีหลวงปู่มั่นสายเดียว ตอนนี้จะมีสายหลวงตามหาบัว มีสายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ปัจจุบันนี้ยังมีสายท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพงอีก ไปกันใหญ่ แตกหลายกิ่งหลายก้าน ไม่ต้องแปลกใจว่าพระพุทธศาสนาของเราพอมาถึงยุคประมาณ พ.ศ. ๓๐๐ เศษขึ้นมา แตกออกเป็นถึง ๑๗-๑๘ นิกาย
นิกายที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดก็คือมูลสรวาสติวาท ซึ่งยังถือพระธรรมวินัย ๒๒๗ ข้ออยู่ แต่มีส่วนเสริมเข้ามา อย่างปัจจุบันนี้พุทธมามกะในประเทศอินเดียเขาไม่ได้ถือศีล ๕ เขาถือศีล ๒๒ มากกว่าเราเข้าไปอีก ๑๗ ข้อ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วพื้นเดิมเป็นฮินดู ก็จะต้องมีศีลที่ห้ามกลับไปยุ่งเกี่ยวกับฮินดูด้วย แต่เขาก็ยอมรับกันได้ เพราะว่าศาสนาพุทธของเราไม่มีการถือชั้นวรรณะ เห็นว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันหมด
เพราะฉะนั้น..ทางด้านอินเดีย ศรีลังกา ถ้าประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้วนี่ก็คือทั้งชีวิตเลย ไม่มีการชักเข้าชักออก เพราะว่าถ้าคุณย้อนกลับไป ฮินดูเขาก็ไม่รับแล้ว เพียงแต่ว่าอินเดียหรือศรีลังกาของเขาถ้าปฏิบัติก็คือทุ่มเทจริง ๆ พระไทยเคยไปแล้วไปสูบบุหรี่ให้เห็น คนอินเดียเขากระชากบุหรี่โยนทิ้งเลย “คุณเป็นนักบวช กิเลสแค่นี้ยังละไม่ได้แล้วจะไปสอนใคร” เขาเล่นแรงขนาดนั้น สูบบุหรี่บ้านเราที่ไม่มีความผิดตามพระวินัย แม้ว่าปัจจุบันนี้ถ้าหากว่าสูบผิดที่จะผิดกฎหมาย บ้านเขานี่เห็นความผิดพอ ๆ กับอาบัติปาราชิกเลย ปาราชิกบ้านเรานี่ขาดความเป็นพระไปเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-07-2019 เมื่อ 03:18
|