ดูแบบคำตอบเดียว
  #88  
เก่า 31-01-2014, 12:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,603
ได้ให้อนุโมทนา: 151,769
ได้รับอนุโมทนา 4,412,252 ครั้ง ใน 34,193 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายท่านคงจะเกรงปัญหาที่กรุงเทพ ฯ ต้องบอกว่าการปิดกรุงเทพของนายหัวเทพเป็นการปิดตัวเอง การปฏิวัติต้องเป็นสัจจะคือความจริงแท้ จึงจะสำเร็จ หากไม่ใช่ความจริงแท้ ไม่มีทางที่จะสำเร็จได้

พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ ทางมรรค ๘ หรือทางสายกลาง เป็นความจริงแท้ ในขณะที่สังคมยุคนั้นถือสายสุดโต่ง คือกามสุขัลลิกานุโยค หมกมุ่นอยู่กับเรื่องกิน กาม เกียรติทุกประเภท เชื่อว่าทำเต็มที่แล้วจะเบื่อ หลุดพ้นได้ อีกสายหนึ่งก็หมกมุ่นกับการทรมานตัวเอง เรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค เชื่อว่าการทรมานตนทำให้พระเจ้าพอใจ แล้วรับไปอยู่กับปรมาตมันของพระองค์ เป็นความเชื่อที่ฝังหัว ฝังลึกมาหลายพันปี

ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้ความจริงแท้ในอริยสัจ จะไม่สามารถปฏิวัติความเชื่อของเขาได้ แต่สิ่งที่พระองค์ท่านตรัสรู้อริยสัจ คือความเป็นจริงแท้ พอบอกกล่าวไป บุคคลที่มีปัญญาได้ยิน ก็จะฉุกใจคิด เมื่อปฏิบัติตามก็จะได้ผลตามภูมิธรรมของตัวเอง ลองมานึกถึงว่า ถ้าสังคมวุ่นวายบรรลัยโลกอย่างปัจจุบัน แล้วอยู่ ๆ มีคนไปชี้แนวทางสันติ บุคคลนั้นต้องเป็นคนที่กล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง แม่นประเด็นเป็นอย่างยิ่ง และชัดเจนกับแนวทางเป็นอย่างยิ่ง ถามว่าชัดเจนขนาดไหน ? ชัดเจนขนาดที่ใช้ได้ผลกับตัวเอง

ตั้งแต่ก้าวแรกที่พระพุทธเจ้าออกผนวชแสวงหาโมกขธรรม พระองค์ท่านก็แลกด้วยชีวิตและเกียรติยศทั้งปวง ยอมสละฐานันดรกษัตริย์ ทั้งที่อีกไม่กี่วันความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิจะมาถึง ยอมโกนผมที่ทางพราหมณ์เขาถือว่าเป็นเครื่องหมายของบุคคลชั้นสูง กลายเป็นคนผมสั้นหรือไม่มีผม หรือกาลกิณีในความรู้สึกของคนทั่วไป

ความรู้สึกเหล่านี้ฝังรากลึกมาเป็นพัน ๆ ปี ที่พระองค์ท่านยอมลงทุนขนาดนั้น เพราะว่าถอยไม่ได้ ถ้าถอยแม้แต่ก้าวเดียว ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนแสวงหา จึงต้องแลกด้วยเกียรติยศและฐานันดรศักดิ์ที่ตนมีอยู่ ทำตัวเป็นบุคคลที่ต่ำติดดิน ในระดับชั้นที่ไม่มีใครคบหาด้วยเลย พระองค์ยอมแลกด้วยของเหล่านั้น จึงประสบความสำเร็จ ทำให้พระองค์ท่านกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า บุคคลพึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละทั้งทรัพย์ อวัยวะและชีวิตเพื่อรักษาธรรม

เมื่อท่านประสบความสำเร็จกลับมา ยังต้องประกอบไปด้วยความแกล้วกล้า ความกล้านี่ต้องกล้าเกินคน เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านบอกกล่าวคัดค้านกับความเชื่อทั้งปวง ไม่มีอะไรเหมือนของเก่าเลยแม้แต่นิดเดียว โอวาทปาฏิโมกข์ของพระองค์ถึงได้กล่าวว่า ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ขันติคือความอดทนจัดเป็นตบะอย่างยิ่งในศาสนานี้ เพราะในลัทธิอื่น ศาสนาอื่น ความเชื่ออื่น เขาเชื่อว่า การทรมานตนคือการบำเพ็ญตบะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-01-2014 เมื่อ 18:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา