ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 15-12-2014, 10:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,507 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลำดับต่อไปที่พบมาก็คือ เมื่อภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ไม่ได้คิดพิจารณาในวิปัสสนาญาณต่อ ตรงจุดนี้จะเป็นทุกข์เป็นโทษใหญ่แก่ตนเอง เนื่องจากสภาพจิตของเราเมื่อคลายออกจากสมาธิมา ก็ย่อมไปแสวงหาที่อื่นเป็นที่ยึดเกาะและเสวยอารมณ์ เมื่อเราไม่หาสิ่งที่ดี ๆ คือวิปัสสนาญาณต่าง ๆ ให้พิจารณา สภาพจิตก็จะไปไขว่คว้า รัก โลภ โกรธ หลง มาเอง

เมื่อถึงเวลานั้นก็จะฟุ้งซ่านไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง อย่างรุนแรงและน่ากลัว เนื่องจากได้กำลังของสมาธิไปช่วยในการฟุ้งซ่าน ทำให้หยุดยั้งได้ยาก หักห้ามได้ยาก เพราะว่าอกุศลกรรมมีกำลังสูงกว่าเสียแล้ว ดังนั้น..เมื่อท่านภาวนาจนจิตสงบเป็นระดับที่สุดของตนเองแล้ว สภาพจิตจะค่อย ๆ คลายออกมาโดยอัตโนมัติ ให้ทุกคนเร่งหาวิปัสสนาญาณให้สภาพจิตพินิจพิจารณา ให้เห็นความจริงของร่างกายนี้ ของโลกนี้ ว่ามีสภาพเป็นอย่างไร

จะดูตามลักษณะของไตรลักษณ์ ก็คือ อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตา ไม่มีอะไรเป็นตัวตนของเราก็ได้ จะดูตามแบบอริยสัจ ก็ดูให้เห็นชัดว่าความทุกข์นั้นเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วเราละเว้นไม่ไปสร้างเหตุนั้น ความทุกข์นั้นก็ไม่เกิดขึ้น

หรือจะดูตามนัยของวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ เริ่มตั้งแต่อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นทั้งการเกิดและการดับ ภังคานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างดับสลายไปสิ้น ภยตูปัฎฐานญาณ พิจารณาเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นโทษเป็นภัย เป็นของน่ากลัว จนกระทั่งท้ายสุดไปถึงสังขารุเปกขาญาณ สภาพจิตยอมรับความจริงก็จะปล่อยวาง เห็นธรรมดาในทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเราก็ทบทวนญาณทั้ง ๘ นี้ย้อนหน้าย้อนหลัง สลับไปสลับมา ก็จะเป็นวิปัสสนาญาณที่ ๙ ที่เรียกว่าสัจจานุโลมิกญาณ เป็นต้น

ดังนั้น..ในการปฏิบัติของเรา ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท พยายามรักษาอารมณ์ใจในการปฏิบัติ ให้ต่อเนื่องยาวนานให้มากที่สุด เมื่อกำลังสมาธิคลายตัวออกมา ก็เริ่มน้อมนำเอาวิปัสสนาญาณมาพินิจพิจารณาให้เห็นจริง เมื่อสภาพจิตยอมรับ ก็สามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นพระอริยเจ้าในระดับใดระดับหนึ่ง ตามกำลังที่เราจะพึงมีพึงได้

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2014 เมื่อ 16:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา