ชื่อกระทู้: จดหมาย...จากใจจริง
ดูแบบคำตอบเดียว
  #30  
เก่า 06-09-2009, 23:46
โยคียุ้ย โยคียุ้ย is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Feb 2009
ข้อความ: 70
ได้ให้อนุโมทนา: 12,159
ได้รับอนุโมทนา 6,362 ครั้ง ใน 102 โพสต์
โยคียุ้ย is on a distinguished road
Smile จดหมายพระอาจารย์_๒๘


........
บันทึกคุณครูหญิง
ฉบับที่ ๓๕ / ๕ ธ.ค.๓๑
*** ปีนี้น้ำท่วมหนักทางภาคใต้ ***
ฉบับที่ ๓๖.๑ - ๓๖.๒ / ๑๓ ธ.ค.๓๑
*** "พระ" จริง ๆ หวังในการสงเคราะห์ญาติโยมอย่างเดียว***
-----------------------------------------------------

๕/๑๒/๓๑
น้องหญิงจ๊ะ...
ทางบ้านเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วขณะนี้ถ้าหญิงลำบากด้วยเรื่องอะไร ถ้าคิดว่าหลวงพี่ช่วยได้ก็ให้รีบบอกนะจ๊ะ อย่ามัวแต่เกรงใจกันอยู่

ทางวัดหนาวมากแล้ว ๑๗-๑๘ องศาเซลเซียส กลางแจ้งประมาณ ๒๔-๒๕ องศาเซลเซียส มือเย็นเจี๊ยบเลย

จากใจจริง
หลวงพี่
…………………………….................................................

วัดท่าซุง

๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๐
สวัสดีจ้ะน้องหญิง…

โล่งใจไปทีที่หญิงไม่ถึงกับตกน้ำป๋อมแป๋ม นอนแบนแต๊ดแต๋ใต้แพซุงอย่างคนอื่นเขา แถมยังสนุกเสียอีก ก็อย่าถึงกับเพลินจนซ่อมเสียล่ะ...ไม่ได้แช่งนะจ๊ะ กลัวไว้ก่อนละดี

คนเราเกิดมาอยู่ใต้กฎของกรรม กรรมฝ่ายดีเรียกว่ากุศลกรรม ฝ่ายเลวเรียกว่าอกุศลกรรม กรรมทั้งสองฝ่ายนี้ผลัดกันให้ผลในการดำเนินชีวิตของเรา กุศลกรรมคือบุญ ถ้าให้ผลเราจะทำอะไรก็เนี้ยบไปหมด ชนิดเก็บขยะไปขายก็ไปเจอทอง รวยจนได้ อกุศลกรรม คือ บาปเคราะห์ให้ผล ทำอะไรก็หาที่ปิ๊งไม่เจอ จากขายทองกลายเป็นขายขวด อะไรทำนองนี้แหละ...

ทีนี้คนโบราณเขาเก่ง เขาสังเกตการให้ผลของบาป-บุญในแต่ละจังหวะชีวิตของคน แล้วกำหนดลักษณะการให้ผลทั้งดี-เลว เป็นอาการ ๙ อย่าง เรียกว่านพเคราะห์ มีการวางตัวให้เทวดาต่าง ๆ ว่าเป็นผู้ให้ผลเสียด้วย เช่น พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระอาทิตย์เล็งลักคน์ พระจันทร์กุมราศี ฯลฯ เทวดาเขาอยู่ดี ๆ ถูกมนุษย์ยัดข้อหาให้โดยไม่รู้ตัว รับเละไปเลย...

ดังนั้นคำว่าเคราะห์ ก็มีทั้งดีและร้าย แต่เราหมายเอาร้ายฝ่ายเดียว คราวนี้พออกุศลกรรมให้ผล เราก็วิ่งหาอาจารย์สะเดาะเคราะห์กันอุตลุด สะเดาะไปสะเดาะมา เคราะห์ของฝ่ายอาจารย์หมดไปเพราะรวยขึ้นทุกที ลูกช้างที่กู้หนี้ยืมสินเขามาสะเดาะก็เคราะห์หนักขึ้น เพราะไปหลงเชื่อท่านจานพลาสติกเข้า อ้าว...อย่างนั้นจะให้ทำอย่างไรละคะ? ... ง่ายนิดเดียวจ้ะ..

การสะเดาะเคราะห์คือการทำบุญหนีบาป ไม่ใช่ล้างบาปนะจ๊ะ บาปคือคราบสกปรกที่ทนทาน น้ำยายี่ห้อไหนก็ล้างไม่ได้ แต่หนีได้ด้วยการทำบุญ วิธีทำบุญก็แสนง่าย คือ จะให้ทาน รักษาศีล หรือทำสมาธิภาวนาก็ได้ ให้ทานก็การทำบุญใส่บาตร รักษาศีลก็ตั้งใจว่า เราจะไม่ละเมิดข้อห้ามทั้ง ๕ เจริญภาวนาก็นั่งนึกถึงความดีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ฯลฯ แล้วนั่งจับลมหายใจ จะว่า พุท-โธ, ธัม-โม, สัง-โฆ หรืออะไรก็ได้ตามถนัด เมื่อเราไม่อยู่เฉย คือ ทำบุญ เหมือนอาการวิ่งหนี ก็จะพ้นจากเคราะห์ที่เหมือนหมาดุไล่กัดได้ ถึงไม่พ้นทีเดียว เจ้าหมาก็หมดแรงตอนไล่ตามก็กัดเรามากไม่ได้ แจ่มแจ้งหรือยังน้องหนู?

เพราะฉะนั้นการให้พระสะเดาะเคราะห์ก็ทำได้ เพราะท่านไม่ได้เรียกเทวดามากราบไหว้ขอร้อง แต่ในเมื่อเราทำเองได้ ทำไมต้องไปยุ่งกับพระและสารพัดอาจารย์ด้วยใช่ไหมจ๊ะ เพราะนอกจากจะไปเจอจิตวิทยามาจากจานสารพัดยี่ห้อจนเคราะห์หนักขึ้นแล้ว ยังจะต้องเจอบรรดาพระแต่เปลือก จ้องจะถลกหนังขบกระดูกญาติโยมเข้าจะแสบทรวงหนักขึ้น บรรดาพระแต่เปลือกปัจจุบันนี้เดินหลีกไม่พ้น มากมายเหลือเกิน นอกจากบรรดาที่เป็นพระจริง ๆ หวังในการสงเคราะห์ญาติโยมอย่างเดียว และเรามั่นใจก็ไปหาท่านเถอะ เพราะการพบพระเป็นลาภอันประเสริฐ ถ้าพบแพะก็กรรมของสัตว์โลก...!

ถามมานิดเดียวตอบเสียยาวเลย และลายมือแย่มาก เพราะตอนเขียนนี้ ๑๔:๔๐ น. แดดจ้าเลย แต่เทอร์โมมิเตอร์แค่ ๒๔ องศา มือไม้แข็งหมดเขียนแทบไม่เป็นตัว เอาละจ้ะ ดังได้วิสัชนามาก็สมควรแก่เวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

ขอให้หญิงสำเร็จทุกประการจ้ะ
หลวงพี่เจ้าเก่า...!
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 035.JPG (71.2 KB, 35 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 036.1.JPG (96.3 KB, 28 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 036.2.JPG (84.8 KB, 30 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2009 เมื่อ 13:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โยคียุ้ย ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา