"ท่านที่ถวายกฐินแล้ว ถ้ายังไม่เข้าสู่พระนิพพานเพียงใด จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ เป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ ไล่ไปเรื่อย แต่ส่วนใหญ่แล้วยังไม่ทันจะหมดอานิสงส์กฐินก็จะเข้าพระนิพพานไปเสียก่อน
หลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุงท่านบอกไว้ว่า บุคคลใดถ้าได้เป็นเจ้าภาพกฐินสัก ๓ ปีต่อเนื่องกัน ให้สังเกตว่าด้วยอานิสงส์บุญกฐิน จะทำให้เรามีความคล่องตัวในความเป็นอยู่มากกว่าคนอื่น
คำว่าเจ้าภาพกฐิน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นประธานในการหากองกฐินนั้นมา เราอาจจะมีผ้าสบงผืนหนึ่ง จีวรผืนหนึ่ง สังฆาฏิผืนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นผ้าครบไตรก็ได้ ตั้งใจว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทำบุญกฐินกับวัดนั้น ลักษณะอย่างนี้ก็ใช้ได้ ถือว่าเราเป็นประธานกฐินเช่นกัน
โดยเฉพาะในส่วนของกฐินวัดท่าขนุนนั้นเรียกว่ากฐินสามัคคี ก็คือใครจะเป็นเจ้าภาพรวมกันกี่คนก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเรื่องของกฐินนั้น แต่ละวัดท่านให้ถวายได้ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น...ในส่วนของบุญกฐินเมื่อปิดยอดแล้ว ไม่สามารถที่จะรับเพิ่มได้ เพราะว่าถ้ารับเพิ่ม เท่ากับเป็นการรับกฐินครั้งที่ ๒ ซึ่งจะเป็นการผิดพระวินัยทำให้กฐินเดาะ ก็คือไม่ได้อานิสงส์ของกฐินนั้น ๆ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2017 เมื่อ 10:28
|