ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 24-05-2019, 21:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,909 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราก็จะได้เห็นว่าร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้เป็นปกติ เมื่อเห็นแล้วไม่ใช่สักแต่ว่าเห็น สภาพจิตของเราต้องยอมรับด้วยว่าเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่ยอมรับก็แปลว่า สติ สมาธิ ปัญญา ของเรายังไม่เพียงพอ ก็ต้องเริ่มต้นปฏิบัติกันใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ เพื่อให้การยอมรับความเป็นจริงนี้เกิดขึ้นกับเราให้ได้

ถ้าสภาพจิตไม่ยอมรับ สิ่งนั้นก็เป็นเพียงแต่เรามองเห็น ถ้าสภาพจิตยอมรับ สิ่งนั้นจะเป็นของเรา การเข้าถึงมรรคถึงผลต่างกันแค่นี้เอง รู้เห็นนับเป็นมรรค ทำได้นับเป็นผล ดังนั้น..ในส่วนที่ทำได้คือมองเห็นชัดเจน แล้วสภาพจิตยอมรับตามความเป็นจริงตามนั้น

ดังนั้นการปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่ทรงสมาธิ แต่การอาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ที่คาบเกี่ยวกัน มองให้เห็นความเป็นจริงของโลกนี้ มองให้เห็นความจริงในร่างกายนี้ แล้วยอมรับว่าสภาพความเป็นจริงเป็นเช่นนั้นเอง

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-05-2019 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา