โอวาทช่วงบวชเนกขัมมะวันแม่ วันที่ ๑๒ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๙
การปฏิบัติธรรมจริง ๆ แล้วก็คือ การสะสมกำลังไว้เพื่อเอาชนะกิเลส แต่คราวนี้พวกเราทำแล้วปล่อยให้รั่วหมด ทำแล้วได้กำลังมาหน่อยหนึ่งก็ไปไล่จับโปเกม่อน..! แรงหมดเลยสู้กิเลสไม่ได้ ฉะนั้น...สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดต้องสั่งสมเอาไว้ด้วยการสำรวมอินทรีย์ คือ ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เพื่อที่จะได้รักษากำลังเอาไว้ จะได้มีกำลังเหนือกว่ากิเลส สามารถที่จะสู้กิเลสได้
แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไปปล่อยให้กำลังรั่วหมด ไปก้มหน้าก้มตาเขี่ยจอเป็นชั่วโมง ๆ แต่ภาวนาแค่ ๓๐ นาที แล้วจะพอใช้งานไหม ? ถึงเวลาหูอยากได้ยินเสียงเพราะ ๆ ก็อุตส่าห์เอาหูฟังยัดเอาไว้ เปิดไอพ็อด ๔๐๐ เพลงรวด..! ถึงเวลาจมูกอยากได้กลิ่นหอม ก็ตะเกียกตะกายไปหามา ลิ้นอยากได้รสอร่อยก็ตะกายไปหาให้ ร่างกายอยากได้สัมผัสดี ๆ หนีร้อนไปหาเย็น หนีแข็งไปหาอ่อน ใจเราอยากจะครุ่นคิด ในเรื่องของความดีก็ไม่คิด แต่ไปคิดในเรื่องฟุ้งซ่านใน รัก โลภ โกรธ หลง
จะเห็นได้ว่า กำลังที่เราปฏิบัติรั่วออกหมดทุกประตูเลย แล้วเมื่อไรจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะไปสู้กิเลสได้ ดังนั้น...การปฏิบัติจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเราไว้ ปิดทุกประตู เหลือใจอยู่ประตูเดียว ก็คือ เอาใจจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา ถ้าเผลอสติคิดเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจทันที พยายามทำอย่างนี้บ่อย ๆ กำลังเราจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเราจะพอชนะกิเลสได้บ้างในบางโอกาส จนกว่าเราจะรู้วิธีรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งยืนทั้งนั่ง สามารถรักษาอารมณ์ได้เท่ากัน ไม่ไปข้องแวะให้รั่วไหลไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง ต้องเป็นอย่างนั้นเราถึงจะมีโอกาสพ้นจากกิเลสได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-08-2016 เมื่อ 21:47
|