ดูแบบคำตอบเดียว
  #60  
เก่า 07-12-2009, 19:49
วาโยรัตนะ วาโยรัตนะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 13,972
ได้รับอนุโมทนา 45,905 ครั้ง ใน 953 โพสต์
วาโยรัตนะ is on a distinguished road
Default

หลังจากสรงน้ำเป็นการเรียบร้อย เวลา ๑๙.๐๐ น. ก็ได้เวลาทำวัตรเย็น ปกติที่วัดท่าขนุนใช้เวลาโดยประมาณ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาทีก็เป็นการเสร็จพิธี แต่ที่วัดพระอาจารย์บุญเริญนี้ เริ่มทำวัตรตั้งแต่ ๑๙.๐๐ น. ไปจบเอา ๒๒.๐๐ น รวมเวลาแล้ว ๓ ชั่วโมง....กระผมพยายามพยุงตัวเองขึ้นหลังจากนั่งพับเพียบสลับขาซ้ายทีขวาที จนนับไม่ถ้วน แต่ได้ชื่อว่า "ลูกศิษย์พระอาจารย์เล็กแล้ว" งานนั้นอดทนและทนอด (ปวดปัสสาวะมาก อั้นอยู่นาน) พยายามทำกำลังใจสู้ให้ถึงที่สุด และแล้วก็ผ่านไปได้

หลังจากไปห้องน้ำมาแล้ว เห็นแม่ชี พระ ตลอดจนฆราวาส ปฏิบัติ "หนอ" กัน กระผมเองอย่างที่บอกว่ามาเพื่อ "ทำให้รู้ ดูให้เห็น" ก็ร่วมปฏิบัติด้วย นั่งภาวนาสลับกับการเดินจงกรม จะผ่านไปนานเท่าไหร่ อันนี้กระผมก็ไม่ทราบ เห็นพระ,เห็นแม่ชี ตลอดจนแม่ชีท่านหนึ่งอายุประมาณ ๗๐ กว่า ๆ ปฏิบัติด้วยความเข้มแข็งแล้วนับเป็นอีกเรื่องที่ยืนยันกับกระผมได้ว่า ในเรื่องของการปฏิบัติสิ่งที่หลวงพ่อเคยพูดว่า "ทำแค่ตาย" กับคำถามที่ญาติโยมมักจะเรียนสอบถามท่านว่า "ต้องทำแค่ไหน" ตอนนี้มันเป็นคำตอบแก่ตัวกระผมทั้งในรูปธรรมและนามธรรมให้เห็นอยู่เบื้องหน้าจริง ๆ

ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล เล่นงานกระผมและโยมหม่อม ชนิดที่ว่าแทบจะล้มทั้งยืน ผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน พระอาจารย์บุญเริญท่านก็สั่งให้หยุดปฏิบัติ แล้วท่านก็นำอุทิศส่วนกุศล คำอุทิศส่วนกุศลที่ท่านนำมาใช้ช่างเป็นที่ชื่นใจมาก ๆ แก่กระผม คือ เป็นคำอุทิศส่วนกุศลแบบของหลวงพ่อฤๅษี เพราะพระอาจารย์บุญเริญท่านก็ศรัทธาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ และท่านเป็นผู้หนึ่งซึ่งมีความคล่องตัวเป็นอย่างยิ่งในมโนมยิทธิและทิพจักขุญาณ

หลังจากนั้นกระผมก็กราบบอกลาท่านว่าวันรุ่งขึ้นกระผมและโยมจะขอออกเดินทางแต่เช้าตอนตีห้า เพราะต้องเดินทางไปภูเก็ตต่อไป พร้อมกับร่วมถวายปัจจัยร่วมบุญกฐินประจำปีเป็นเงินอีก ๓๐๐ บาท ท่านก็กล่าวอนุโมทนาบุญ พร้อมกับกล่าวว่า "คุณไม่ใช่คนใหม่ของที่นี่ จะมาเมื่อไหร่ก็เชิญนะ ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอ ขอโมทนาบุญที่ได้บวชและความดีที่ได้ทำมาทั้งหมด"

สาธุ นับเป็นบุญของกระผมอย่างยิ่ง บวชเรียนครั้งนี้ได้อะไรต่อมิอะไรมากมายกว่าที่ผมจะพรรณาได้หมดจริง ๆ ครับ

แล้วจังหวัดสตูลเป็นดินแดนแห่งความลี้ลับตรงไหน?

พระอาจารย์บุญเริญท่านเป็นผู้แสวงหาความสงบ ท่านชอบที่จะออกเดินธุดงค์ ท่านเล่าให้ฟังว่า เรื่องของความเป็นทิพย์เฉพาะในจังหวัดสตูลเองนั้นมีมากมาย เฉพาะในวัดของท่านเองก็มีเรื่องราวแปลก ๆ อยู่มาก สตูลเป็นจังหวัดที่มีถ้ำมากมาย มีเทือกเขาที่ยาวและยังเป็นป่าดิบชื้นที่อุดมสมบรูณ์

เรื่องหนึ่งที่ผมพลาดไปคือ กระผมลืมขออนุญาติกราบเรียนขออนุญาตท่าน ขอดู "นารีผลหรือมักกะรีผล" ซึ่งท่านเล่าว่า เทวดาท่านเอามาให้ โยมท็อปเองก็เคยได้เห็นเพราะท่านเคยเอาให้ชม ตลอดจนพระอาจารย์ดุสิตที่ สำนักสงฆ์ถ้ำวังทอง จังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นสหธรรมิกกับท่านอาจารย์บุญเริญท่านยังเล่าเรื่องนี้ให้กระผมฟังเช่นกัน กระผมจะแวะทำบุญและกราบท่านเสมอ ๆ เวลาพาคุณแม่ไปตรวจตามรายการนัดของโรงพยาบาล ม.อ.ที่หาดใหญ่ พระอาจารย์บุญเริญยังเล่าให้ฟังว่า เรื่องของความเป็นทิพย์ เขาอยู่รอบ ๆ ตัวเรานี้เอง เท่าแต่ว่า เรามีความดีขนาดไหน ถ้าทำดีมากก็ได้เห็นได้สัมผัสมากเป็นการตอกย้ำความมั่นใจในเรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนว่า ผีมีจริง เทวดามีจริง นรกมีจริง พระนิพพานมีจริงซึ่งเราจะสัมผัสได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้นและยังมีอีกหลายเรื่องราว ที่กระผมต้องย้อนกลับไปพิสูจน์ ไม่ใช่ว่าเพราะตื่นข่าวมงคลใด ๆ แต่ทั้งหมดนั้นมันคือ "กำไรชีวิต" ในมาดของนักปฏิบัติเพื่อพระนิพพานเป็นที่สุด
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 09-12-2009 เมื่อ 07:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา