ดูแบบคำตอบเดียว
  #8  
เก่า 15-05-2012, 11:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,915 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดระฆัง ท่านเป็นพระที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปาปมุติ คือ บุคคลที่พ้นจากบาปโดยสิ้นเชิงแล้ว ท่านสามารถที่จะตักเตือนในหลวงรัชกาลที่ ๔ แบบแรง ๆ ได้ แม้ว่าตอนนั้นในหลวงรัชกาลที่ ๔ จะโกรธ แต่ก็ไม่เคยผูกโกรธ มีอะไรก็จะปรึกษาหารือหลวงพ่อสมเด็จฯ อยู่เสมอ

แม้ว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ จะเข้าวังเป็นปกติ แต่ถ้าชาวบ้านที่ไหนนิมนต์ หลวงพ่อก็รับทั้งนั้น ขอให้ว่างก็จะไป มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านเจ้าคุณส่งบ่าว (คนรับใช้) ไปนิมนต์หลวงพ่อสมเด็จฯ ให้ไปเทศน์ที่บ้าน บ่าวบอกว่า "ท่านเจ้าคุณนิมนต์เทศน์เรื่อง ๑๒ นักษัตรขอรับ" ความจริงท่านเจ้าคุณจะฟังเทศน์เรื่องอริยสัจ บ่าวฟังว่าเป็น ๑๒ นักษัตร หลวงพ่อสมเด็จท่านก็ไป

พอถึงเวลาขึ้นธรรมมาสน์ ตั้งนะโมเสร็จท่านก็ขึ้นเลย มุสิโก ว่าปีชวด อุสโภ ว่าปีฉลู พยัคโฆ ว่าปีขาล สโส ว่าปีเถาะ... เรื่อยไปจนถึง สุกโร ว่าปีกุน

เล่นเอาท่านเจ้าคุณมองบ่าวตาเขียวปั๊ด จะฟังอริยสัจกลายเป็น ๑๒ นักษัตรไปแล้ว หลวงพ่อสมเด็จฯ กล่าวสรุปว่า คนเราทุกคนก็เกิดมาภายใต้ ๑๒ นักษัตรนี่แหละ พอเกิดมาแล้วไม่เที่ยงอย่างไร เป็นทุกข์อย่างไร ท่านก็ไปลงที่อริยสัจจนได้

พอเอวังเสร็จ ท่านเจ้าคุณสาธุ ประเคนไทยธรรมหลวงพ่อสมเด็จฯ สองเท่า..! ชอบใจมาก เพราะเท่ากับว่าได้ฟัง ๒ กัณฑ์ต่อกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2012 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา