ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 02-12-2012, 18:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,677 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เมื่อตั้งคำถามว่า การสนใจจริยาของคนอื่นนั้นมีขอบเขตขนาดไหน ? ขอตอบว่า การที่เราสนใจจริยาคนอื่นนั้น ถ้าเอามาเป็นตัวอย่างในการประพฤติปฏิบัติของเรา ก็สามารถที่จะสนใจได้ แต่ต้องระมัดระวัง ตั้งกำลังใจให้เป็นกลาง อย่าไปยินดียินร้ายกับความประพฤติที่เราเห็น ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดโทษ รัก โลภ โกรธ หลงเกิดขึ้น ทำให้จิตใจของเราเศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้นก็ตกสู่อบายภูมิ

ในส่วนที่เป็นผู้บังคับบัญชา จำเป็นที่จะต้องสนใจจริยาของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้รู้ว่าแต่ละท่านมีความประพฤติปฏิบัติอย่างไร จำเป็นจะต้องแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างไร แต่ต้องไม่ประกอบไปด้วยอคติทั้ง ๔ คือลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะโกรธ ลำเอียงเพราะกลัว ลำเอียงเพราะหลง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะได้เป็นข้อเตือนใจแก่เราว่า การสนใจจริยาของผู้อื่นนั้น ถ้าวางกำลังใจถูกต้องก็สามารถที่จะสนใจได้ แต่ถ้าวางกำลังใจผิดพลาด เราไปสนใจก็มีแต่ขาดทุน เพราะทำให้จิตใจของเราเศร้าหมองลงไปทุกที เป็นต้น

เราทุกคนที่เป็นนักปฏิบัติ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำการขัดเกลากาย วาจา และใจ ของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะว่าการปฏิบัติในหลักธรรมะนั้น ท่านบอกว่าทำไปแล้วต้องประกอบไปด้วย อัปปิจฉตา คือความมักน้อย สันตุฏฐิตา คือความสันโดษ สัลเลขตา คือการขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ปวิเวกตา คือการหลีกออกจากหมู่ ไม่คลุกคลีกับคนอื่นที่เป็นเหตุให้จิตใจของตนเองฟุ้งซ่าน เป็นต้น

ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นแก่เรา ก็เป็นเครื่องวัดว่าการปฏิบัติของเรามีความก้าวหน้าเท่าไร แต่ถ้าปฏิบัติไปแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้น ก็อาจจะแปลว่าเราหลงไปผิดทางก็ได้ จึงต้องระมัดระวัง ดึงกำลังใจของตนให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย อยู่กับศีล อยู่กับสมาธิ อยู่กับปัญญา อย่าไปฟุ้งซ่านด้วยการไปสนใจจริยาของผู้อื่น เป็นต้น

ลำดับต่อไปนี้ ก็ขอให้ทุกท่านกำหนดลมหายใจเข้าออก พร้อมกับคำภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๕

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2012 เมื่อ 19:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา