ดังนั้น..การที่เราจะดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้เต็มไปด้วยทุกข์ภัยที่น่ากลัวมาก เมื่อเราทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว จะเห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าเราจะเกิดมากี่ชาติก็มีความทุกข์เช่นนี้ แค่น้ำท่วมอย่างเดียวยังสร้างทุกข์สร้างโทษให้กับเรามากขนาดนี้แล้ว แล้วสารพัดทุกข์อื่น ๆ ที่ถึงเวลามีร่างกายขึ้นมาก็จะประเดประดังมาซ้ำเติม
ไม่ว่าจะความหิว ความกระหาย ความร้อน ความหนาว ความเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นต้น ในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีขึ้นเพราะการมีร่างกายเช่นนี้ ท่านทั้งหลายยังยินดี อยากมีอยากได้หรือไม่ ? กับร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้ กับการเกิดมาในโลกที่ทุกข์ยากขนาดนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่ยินดี ก็ต้องหาทางหลีกหนีไปให้พ้น
การจะพ้นไปได้นั้น สาเหตุใหญ่ก็คือว่าต้องพ้นจากการเกิด ไม่เช่นนั้นเราเกิดมาเมื่อไรเราก็ต้องพบกับความทุกข์เช่นนี้ ในเมื่อเราไม่ต้องการการเกิด วิธีที่จะหลีกพ้นได้ก็ต้องเร่งรัดตัดสังโยชน์ คือเครื่องที่ร้อยรัดเราเอาไว้ ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ นั่นก็คือต้องละสักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าตัวเราเป็นของเรา ไปยึดมั่นถือมั่น ในเมื่อเรายึดก็เลยไปไหนไม่ได้ แล้วทำอย่างไรถึงจะไม่ยึด
อันดับแรก ต้องพิจารณาให้เห็นว่าร่างกายนี้มีความตายเป็นปกติ จะต้องตายจากเราไปอย่างแน่นอน อันดับที่สอง ต้องเห็นว่าร่างกายนี้มีความทุกข์เป็นปกติ จะได้ไม่อยากได้ใคร่ดีกับร่างกายนี้อีก อันดับที่สาม คือเห็นว่าร่างกายนี้ต้องเสื่อมสลายตายพังเป็นปกติ ไม่สามารถที่จะยึดถือมั่นหมายได้ เกิดมาเมื่อไรก็มีแต่ความทุกข์เช่นนี้
ถ้าหากว่าเห็นชัดเจนจนหมดความนิยมการเกิด ก็จะละวางซึ่งร่างกายนี้ได้ บริหารดูแลไปเฉพาะหน้าที่เฉพาะหน้า พ้นจากตรงนี้แล้วก็เป็นอันว่าจบกัน เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2011 เมื่อ 13:51
|