ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 05-08-2015, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในการปฏิบัติของที่นี่นั้น เวลาเดินจำเป็นที่จะต้องเดินให้พร้อมกัน จึงใช้วิธีการเดินจงกรมแบบ ๖ ระยะตามสายของสติปัฏฐานแบบพองยุบ แต่เวลาที่นั่งภาวนาขอให้ทุกคนใช้ของเดิมที่เคยทำมา เคยทำอะไรมา มีความถนัดแล้วให้ทำอย่างนั้น เพราะว่าการปฏิบัติธรรมของเรานั้น ถ้าเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย ๆ เปลี่ยนวิธีการบ่อย ๆ เปลี่ยนสายการปฏิบัติบ่อย ๆ อาตมาเคยเปรียบมานับครั้งไม่ถ้วนว่า เหมือนกับเราขุดบ่อแล้วต้องการน้ำ ขุดไปได้ ๒ วา ๓ วา ใกล้จะถึงน้ำแล้วก็เปลี่ยนที่ขุดใหม่ ลงไปได้สักวาครึ่งวาก็เปลี่ยนที่ขุดใหม่ แล้วเมื่อไรเราจะมีน้ำกินน้ำใช้เหมือนชาวบ้านเขาเสียที ?

หรือเหมือนกับคนที่ติดคุก ตั้งใจจะเจาะกำแพงเพื่อหลบหนีออกจากคุกให้ได้ เจาะไปจนเหลือนิดเดียวก็จะพ้นแล้ว แต่เปลี่ยนที่เสียใหม่ เจาะไปได้อีกหน่อยหนึ่งก็เปลี่ยนที่อีก แล้วเมื่อไรถึงจะมีช่องทางในการหลุดพ้นได้ ?

สิ่งทั้งหลายที่เปรียบเอาไว้เพื่อให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนว่า ทุกวันนี้เรามีความประพฤติลักษณะอย่างนั้น เป็นความประพฤติที่ไม่คู่ควรแก่การหลุดพ้นเลยแม้แต่น้อย ทำไปก็ไม่เพียงพอที่จะใช้งาน เพราะว่ากำลังของสติ สมาธิ ปัญญาไม่เพียงพอ ไม่แหลมคม ไม่แก่กล้า สั่งสมเท่าไรก็ไม่พอ เหตุที่ไม่พอเพราะว่า พอได้มาหน่อยหนึ่งเราก็ใช้หมด จนติดลบเป็นหนี้เป็นสินอยู่ตลอดเวลา

ที่ว่าใช้หมดคือใช้อย่างไร ? พอได้มาหน่อยหนึ่งเราก็ปล่อยให้กำลังไหลออกทางตา ไปเลือกดูโน่นดูนี่ดูนั่นที่เราชอบใจ ไม่รู้จักระงับยับยั้ง เพื่อสั่งสมกำลังตัวเองไว้ ปล่อยให้ไหลออกทางหูไปฟังสิ่งที่เราชอบ แต่ความจริงก็คือพาให้ฟุ้งซ่าน พอไม่ได้เห็นไม่ฟัง ก็ฟุ้งไปคิดถึงอยู่ตลอด จิตใจไม่มั่นคง อยู่กับการภาวนาไม่ได้ ปล่อยให้ไหลออกทางจมูก ไหลออกทางลิ้น ไหลออกทางกาย ไหลออกทางใจ ก็แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำมาในแต่ละวัน เหมือนอย่างกับน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนมาเล็กน้อย แต่เราปล่อยให้ไหลออกไปเป็นจำนวนมหาศาล จึงไม่เพียงพอที่จะใช้งานสักที ไม่ทันถึงหน้าแล้งต้นทุนก็หมดแล้ว

เมื่อเราทราบจุดอ่อนของตัวเองแล้ว ก็ขอให้ทุกคนทุ่มเทและระมัดระวังเอาไว้ด้วย มีอยู่หลายท่านที่สามารถทำได้อย่างน่าชื่นชมมาก คือ เข้าวัดก็ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกอย่างทิ้งหมดเลย ออกจากวัดเมื่อไรค่อยเริ่มนับหนึ่งใหม่ เป็นการสะสมกำลังของตนให้เพียงพอต่อการสู้กิเลส แต่ว่าที่เหลืออีก ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ นอกจากจะทิ้งไม่ได้แล้ว ยังติดหนักยิ่งขึ้น แม้กระทั่งเวลาพักผ่อนหลับนอน ปิดฟืนปิดไฟหมดแล้วก็ยังนั่งเขี่ยไลน์ นั่งดูจออยู่นั่นแหละ แล้วเราจะเอากำลังที่ไหนมาสู้กิเลสได้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2015 เมื่อ 11:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา