"สมัยนั้นใช้ตั้งแต่ธนบัตรใบละ ๕๐ สตางค์ แล้วก็มาใบละ ๑ บาท ๕ บาท ใบละ ๕ บาทหายไปจากท้องตลาดน่าจะประมาณปี ๒๕๒๐ ได้ หลังจากนั้นใบละ ๑๐ บาทก็หายตามไป
เขาให้สังเกตว่า ถ้าค่าของเงินลดลงเมื่อไร ธนบัตรจะค่อย ๆ หายไป กลายเป็นเหรียญแทน แล้วถ้าเหรียญเล็กลงมากเท่าไร ค่าของเงินก็ลดลงไปมากเท่านั้น ไปนึกถึงรุ่นปู่ย่าตาทวดเอาเหรียญรัชกาลที่ ๙ รุ่น ๒๔๙๓ ที่เขาเรียกสั้น ๆ ว่าเหรียญ ๙๓ เป็นเหรียญ ๕๐ สตางค์ เอามาทำเข็มขัดกัน เพราะว่ามีส่วนผสมของทองมาก ระยะหลังนี้แค่ทองเหลืองธรรมดาก็แพงเกินมูลค่าของเหรียญแล้ว
มีใครเคยเห็นเหรียญทองคำจริง ๆ บ้างไหม ? อาตมาเองเคยเก็บไว้หลายเหรียญ แต่มาระยะหลังคนตื๊อขอบูชาไปหมด จำได้ว่าเก็บเหรียญแรกเลย ก็คือเหรียญรัชดาภิเษกของในหลวงรัชกาลที่ ๙ รัชดาภิเษกจะจัดฉลองในวาระครองราชย์ครบ ๒๕ ปี ของพระองค์ท่านก็ปี ๒๕๑๔ หลังจากนั้นก็มาจัดงานฉลองพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พ.ศ.๒๕๓๐ แล้วก็มารัชมังคลาภิเษก ๒๕๓๑
พระองค์ครองราชย์เท่ากับอดีตสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ครองราชย์นานที่สุดคือรัชกาลที่ ๕ จึงจัดงานฉลองรัชมังคลาภิเษกปี ๒๕๓๑ ฉลองกาญจนาภิเษก (ครองราชย์ ๕๐ ปี) ๒๕๓๙ แล้วมาฉลองการครองราชย์ ๖๐ ปี ค่อยมาฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา อาตมายังรอว่าจะมีใครได้ฉลองวัชราภิเษกหรือพัชราภิเษกครองราชสมบัติ ๗๕ ปีบ้าง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2018 เมื่อ 03:13
|