ดูแบบคำตอบเดียว
  #35  
เก่า 12-10-2010, 09:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,667 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก็เลยกลายเป็นจุดบอดตรงที่ว่า ในส่วนของกำลังใจ แทนที่จะต้องมากลัดกลุ้มในการต่อสู้กับเวทนา หรือไม่ก็อารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามา ทำไมเราไม่ใช้สมาธิระงับเสีย

ในเมื่อคุณต้องการให้อินทรีย์ ๕ เสมอกันตามที่พระพุทธเจ้าสอนมา คุณก็ตั้งสมาธิสักร้อยหนึ่งแล้วก็ดึงตัวอื่นให้เป็นร้อยตามกันขึ้นไปสิ
ไม่ใช่คุณกดสมาธิเหลือแค่ ๓ หรือ ๕ และกดตัวอื่นลงตามไปด้วย แล้วอีกกี่ชาติจึงจะรู้เรื่อง ทำแบบนี้มีหวังถูกกิเลสตีตายก่อน..!

ท่านใช้คำอธิบายว่า การปฏิบัติโดยขณิกสมาธิเหมือนกับเราค่อยสะสมงาทีละเมล็ด ๆ นานไปก็จะมีงาจำนวนมากพอที่จะคั้นเอาน้ำมันมาใช้การได้ อาตมาก็ได้แต่สงสัยว่าในเมื่อเรามีงาเป็นเกวียนแล้ว ทำไมต้องไปเก็บทีละเมล็ดด้วย ?

ตรงจุดนี้บอกให้ฟังไว้เป็นข้อมูลเฉย ๆ นะจ๊ะ ว่าหลักการถูก แต่ตอนปฏิบัติน่าจะผิด เพราะไปทำกลับข้างกัน เรื่องของวิปัสสนาและเรื่องของสมถะต้องไปพร้อมกัน ถ้าเอาเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง โอกาสที่จะเอาดีได้นั้นยากมาก

ถ้าเราเอาวิปัสสนาอย่างเดียว ก็เหมือนกับคนที่มีอาวุธคมกล้ามาก แต่แรงไม่พอที่จะยกอาวุธไปตัดไปฟันอะไรได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราเอาสมถะอย่างเดียว เราก็เท่ากับเราเพาะกายจนร่างกายแข็งแรงชนิดแบกควายทั้งตัวได้ แต่เราดันไม่มีอาวุธที่จะเอาไปตัดไปฟันกิเลสอีก

เพราะฉะนั้น..ทั้งวิปัสสนาและสมถะ สองอย่างต้องทำไปด้วยกัน แต่ปัจจุบันสายพองหนอยุบหนอเขาเอาเฉพาะวิปัสสนาอย่างเดียว ในเมื่อเขาเอาวิปัสสนาอย่างเดียว กำลังจึงไม่พอที่จะตัดกิเลสเสียที

ตัวอย่างที่ท่านยกมาว่า หลวงปู่รูปหนึ่งปฏิบัติตั้งแต่เริ่มบวช ระยะเวลาผ่านไป ๖๐ ปี ท่านกำหนดพองหนอยุบหนอต่อเนื่องไป จนท่านอายุ ๘๐ ก็บรรลุมรรคผล

อาตมาคิดว่า ถ้าเราไม่มีเวลาถึง ๖๐ ปี ตายเสียก่อนแล้วเราจะได้บรรลุไหม ? เพราะฉะนั้น..ถึงแม้หนังสือเล่มนี้อาตมาจะเขียนในลักษณะเป็นกลาง คือ ตั้งเป็นข้อสังเกตเฉย ๆ ไม่ได้ระบุการถูกผิด แต่ก็แรงสำหรับการปฏิบัติสายนี้ ออกไปเมื่อไรยุทธจักรถล่มทลายแน่นอน จึงต้องเก็บเอาไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่เขียนเสร็จตั้งแต่ปี ๒๕๔๘
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2010 เมื่อ 11:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา