ตรงจุดนี้ทุกท่านจะเห็นว่า บรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น เสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งนั้นแหละ ลำพังถ้าไม่ใช่หลวงพ่อวัดท่าซุง ไม่มีใครเอาฝูงนี้อยู่แน่ ผมมั่นใจ แต่ว่าทุกคนก็ยอมหมอบราบคาบแก้วให้กับท่าน ผมเห็นเลยครับว่านี่คือ “สังโฆ อัปปมาโณ” คุณของพระสงฆ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน มีความสามารถขนาดไหน แสบไส้มาขนาดไหน ท้ายสุดต้องมาหมอบราบคาบแก้วลงตรงนี้ทั้งหมด
ผมถึงได้บอกคนที่ไปวัดท่าซุงว่า ถ้าคุณไม่เห็นว่าพระสงฆ์มีคุณความดีอย่างไร ให้ไปเดินรอบวัด ถ้าคุณไม่หลงทาง ประมาณ ๑ ชั่วโมงน่าจะเดินได้ทั่ว ถ้าเหงื่อท่วมตัวกลับมาแล้วยังไม่รู้ว่าคุณพระสงฆ์คืออะไร ก็ไปเดินใหม่อีกที วัดท่าซุงช่วงนั้นหนังสือพิมพ์บ้านเมืองตีราคาสิ่งก่อสร้างไว้สี่พันกว่าล้านบาท สี่พันกว่าล้านนี่ถ้าเป็นงบประมาณของกรมหรือกระทรวงก็นิดเดียว แต่หลวงตาบ้านนอกองค์หนึ่ง สิ่งก่อสร้างสี่พันกว่าล้านนี่เราต้องคิดนะครับ ว่าศรัทธาญาติโยมทุ่มเทให้ขนาดไหน ถ้าขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เห็นคุณพระสงฆ์ ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
ถึงได้บอกพวกเราทุกคนว่า ส่วนที่ยากที่สุดก็คือสักกายทิฐิ ความถือตัวถือตนนี่แหละ เราจะถือตัวกับใครก็ได้ แต่ผมยืนยันว่า ไม่ต้องไปถือตัวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าถือตัวกับคำสอนของพระพุทธเจ้านี่เสียเวลาบวชเปล่า ๆ สิ่งที่ท่านสอนเรามา เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ สมบูรณ์บริบูรณ์อยู่แล้ว ตัดออกก็ขาด เติมเข้าก็เกิน ไม่ต้องเสือกทะลึ่งไปคิดแก้ไขอะไรเลย
โดยเฉพาะท่านตือ ทำตามเถอะครับ ทางใหม่มีแต่เสียเวลา เดินตามทางเก่านี่แหละ แล้วเราค่อยไปต่อยอดเอาทีหลัง ไม่อย่างนั้นจะยากเกินไป ผมยืนยันว่านอกจากสมเด็จองค์ปฐมแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนที่เดินทางของตนเองอย่างแท้จริง เพราะมีแนวให้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพระองค์ท่านไม่ต้องไปง้อใครเท่านั้นเอง ถืงเวลาแม้ว่าทางจะไปไม่ค่อยไหว ก็พยายามที่จะบุกฝ่ากันไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2014 เมื่อ 04:15
|