คราวนี้อวิชชาที่ปิดบังอยู่ ถ้าหากว่าเปรียบเสมือนกับวัตถุที่มีความเหนียว ความแข็ง ก็ต้องอาศัยสิ่งที่แหลมคมเพียงพอ ถึงจะเจาะทะลวงผ่านไปได้ ถ้าหากว่ามีแต่เครื่องมือที่แหลมคมเพียงพอ แต่กำลังเราไม่มี ยกเครื่องมือขึ้นมาใช้งานไม่ได้ ก็เจาะไม่สำเร็จเช่นกัน
ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมจึงไม่ใช่แค่เรามานั่งสมาธิหรือว่าเดินจงกรม แต่เป็นเรื่องที่ทุกขณะจิตทุกเวลา เราต้องมีสติระลึกรู้อยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ไม่เที่ยง ก้าวไปหาความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตัวเราก็ดี ตัวคนอื่นก็ดี ตัวตนของสัตว์อื่นก็ดี หรือว่าวัตถุธาตุต่าง ๆ จะเป็นบ้าน เรือนโรง ต้นไม้ ภูเขาก็ตาม ก้าวเข้าไปหาความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา ท้ายที่สุดถ้าไม่ได้รับการบำรุงรักษาบูรณะซ่อมแซมก็พัง
ระหว่างที่ดำรงอยู่ก็ประกอบไปด้วยความทุกข์ ต่อให้เป็นสิ่งไม่มีชีวิตก็ยังมีความทุกข์โดยสภาพ คือ เสื่อมอยู่ตลอดเวลา แล้วท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเหลือให้เรายึดถือมั่นหมายได้ ถึงเวลาตายไป เรือนชาน บ้านช่อง ที่ดิน รถรา ข้าวของ เครื่องใช้ เสื้อผ้าอาภรณ์ กลายเป็นคนอยู่ข้างหลังเอาไปแบ่งปันกัน
ในเมื่อการอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้ ต้องการปัญญาที่มองเห็น เราจึงจำเป็นที่จะต้องทำสมาธิ เพราะว่าสมาธิช่วยให้จิตของเราสงบระงับ มีความผ่องใส ปัญญาก็จะเจิดจ้าสว่างไสวขึ้นมา ทำให้เรามองเห็นความเป็นจริงของร่างกายนี้ และความเป็นจริงในโลกนี้
เอาแค่ร่างกายของเราก่อน ตื่นเช้าขึ้นมา ไม่อาบน้ำ ไม่แปรงฟัน ไม่เข้าส้วมไหวไหม ? นี่แค่พักเดียว แล้วถ้าหากว่าไม่อาบน้ำ ไม่ดูแลสัก ๓ วัน ๗ วันจะเป็นอย่างไร ? แม้แต่ตัวเราก็ทนตัวเราเองไม่ได้..! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คนอื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2023 เมื่อ 00:16
|