เมื่อก้าวเท้าขวาสุด ก็ไม่สามารถที่จะก้าวต่อได้อีก นอกจากจะก้าวเท้าซ้ายไปเท่านั้น การปฏิบัติของเราก็เช่นกัน เมื่อทรงสมถภาวนาจนเต็มที่แล้ว ก็ให้พิจารณาในวิปัสสนาภาวนา เมื่อพิจารณาวิปัสสนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ก็จะย้อนกลับมาสมถะเองโดยอัตโนมัติ
ถ้าเราทำดังนี้ความก้าวหน้าก็จะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าผิดไปจากนี้เมื่อไร นอกจากจะไม่ก้าวหน้าแล้ว บางทีพอฟุ้งซ่านมาก ๆ แล้ว เราอาจจะท้อถอย เบื่อหน่าย เลิกปฏิบัติไปเลย นั่นเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น..ในการปฏิบัติของทุกคน ความจริงแล้วเรามีพื้นฐานกันเพียงพอ รู้ทุกอย่างว่าต้องทำอย่างไร เพียงแต่ต้องมีสติ สมาธิ และปัญญาเท่าทันกับกิเลสเท่านั้น
เพราะว่ากิเลสนั้นจะสอดแทรกเข้ามาทุกเวลา ทุกนาทีที่มีโอกาส จะมาชักมาจูงจนเราเสียคนในการปฏิบัติ เราจะต้องรับมือได้ทันท่วงที การที่จะรับมือกิเลสได้ทันท่วงทีนั้น อย่างน้อยต้องทรงปฐมฌานละเอียดได้คล่องตัว
ดังนั้น..งานในวันนี้ของพวกเราก็คือให้ทุกคนภาวนา พยายามที่จะทรงกำลังใจของเราอยู่ในระดับของปฐมฌานละเอียดให้ได้ แต่ไม่ใช่ไปตามจี้ว่าแต่ละระดับขั้นตอนเป็นอย่างไร ให้เรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลจะเกิดอย่างไรก็แล้วแต่ที่สมาธิจะเป็นไป ถ้าเราปล่อยวางอย่างนี้ได้ สมาธิจะทรงตัวได้เร็ว
เมื่อทรงเป็นปฐมฌานละเอียดได้ สติ สมาธิจะจดจ่ออยู่กับปัจจุบันธรรมเบื้องหน้า ทำให้เรารู้เท่าทันว่ารัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดขึ้นอย่างไร กิเลสมารจะมาในลีลาไหน เพื่อที่จะชักจูงเราให้ผิดทาง เราก็จะได้รับมือและแก้ไขได้ทัน
ลำดับต่อจากนี้ไป ให้ทุกท่านตั้งใจกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา หรือผู้ใดชำนาญในการกำหนดภาพพระ กำหนดดวงกสิณก็กำหนดไป ใครถนัดมโนมยิทธิยกใจขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานก็กระทำไป ให้รักษาอารมณ์เอาไว้ดังนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2011 เมื่อ 15:11
|