ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 25-02-2009, 19:42
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,289 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

born To Be Number ๑
(เกิดมาเพื่อเป็น”ที่หนึ่ง”เป็นการเฉพาะ)


อาจที่จะกล่าวได้ว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯนั้น ท่านเกิดมาเพื่อเป็น “ที่หนึ่ง” โดยแท้ เพราะนับตั้งแต่แรกเกิดมา ท่านก็เป็นบุตรคน “ที่หนึ่ง” คนแรก คนหัวปีของครอบครัว “จินตยานนท์” เมื่อโตขึ้นตอนจะจบชั้นมัธยม ท่านก็สอบได้เป็น “ที่ ๑” ของประเทศ แม้ต่อมา เมื่อท่านเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนข้าราชการพลเรือน(จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ท่านก็จบเป็นบัณฑิตจุฬารุ่นที่ ๑ (รุ่นแรก) จบแล้วไม่จบเปล่า เพราะท่านก็ยังครองความเป็น “นัมเบอร์วัน” ด้วยคะแนนสอบที่เป็น “ที่หนึ่ง”ของรุ่นอีกต่างหากด้วย

ต่อมา เมื่อมีวาสนาได้สนองพระเดชพระคุณในล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๖ ด้วยผลการปฏิบัติงานดีเด่น ท่านจึงได้รับพระมหากรุณาฯแต่งตั้งเป็น “พระยาพานทอง”คนแรกของประเทศไทยที่มีอายุน้อยที่สุด คือได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยานรรัตนราชมานิต” เมื่อมีอายุได้เพียง ๒๕ ปี เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๖๕
ต่อมาอีก ๒ ปี คือปีพ.ศ. ๒๔๖๗ ท่านก็ได้รับพระมหากรุณาฯให้เป็น “องคมนตรี”คนแรกของประเทศไทยที่มีอายุน้อยที่สุดอีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อมีอายุได้เพียง ๒๗ ปีเท่านั้น

และครั้นเมื่อรัชกาลที่ ๖ เสด็จสวรรคต และท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯได้อุปสมบทถวายพระราชกุศลแล้ว แต่กิติศัพท์แห่งความเป็นยอดคนของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯก็เลื่องลือไปต้องพระเนตรพระกรรณแห่งล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๗ ถึงกับทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นองคมนตรีในพระองค์ซ้ำอีกวาระ เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๖๙ ทั้งๆ ที่ท่านยังครองผ้ากาสาวพัตร์อยู่เลยทีเดียว ทำให้ท่านกลายเป็น “ที่หนึ่ง” ในสองสถาน กล่าวคือ เป็น “องคมนตรี ๒ รัชกาล” คนแรกที่มีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย และเป็น “องคมนตรี” คนแรก ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯขณะที่ยังอยู่ใน “สมณเพศ” อีกด้วย

และแม้เมื่อท่านได้บวชเป็นพระ “ความเป็นที่หนึ่ง” ก็ยังหาได้ละจากองค์ท่านไม่ เพราะท่านเจ้าคุนรรัตน์ฯนั้น ก็ได้รับการยอมรับว่า เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบและเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นเอก เป็นที่หนึ่งอย่างยากที่จะหาใครในยุคนี้หรือยุคไหนๆ มาเทียบได้ ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา หรือคิดเป็นวัน ก็ได้กว่า ๑๕,๐๐๐ วันที่ท่านอุปสมบถเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ปรากฏว่า ไม่มีวันใดเลยที่ท่านจะว่างเว้นการกรวดน้ำ อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตนั้น ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ จะงดเว้นฉันภัตตาหาร ๑ วัน และนั่งกระทำสมาธิถวายพระราชกุศลตั้งแต่หัวค่ำจนรุ่งเช้ามิได้ขาดทุกปีไป อันนับเป็นยอดกตัญญูอย่างที่หนึ่ง อย่างที่ไม่เคยจะพบเห็นจากที่แห่งหนใดได้มาก่อนเลยตลอดชั่วชีวิตนี้ ที่สุด เมื่อท่านมรณภาพลง ท่านก็ยังคงเป็น ”ที่หนึ่ง” อีกจนได้ ด้วยในตอนนั้น คุณละมูน มีนะนันท์เพิ่งสร้างศาลา ”ละมูนนิรมิต” เสร็จพอดี ศพของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ จึงได้เป็น ”ศพที่หนึ่ง” ที่ได้นำมาบำเพ็ญกุศลที่ ศาลาแห่งนี้จนได้อีกนั่นแล้ว

และเกี่ยวกับความเป็น ”ที่หนึ่ง” นี้ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ได้เคยปรารภเอาไว้เองเช่นกันว่า “โลกไม่นิยมคนแพ้ โลกชอบคนชนะ ฉะนั้น เมื่ออยู่ในโลก ต้องเป็นคนชนะ ต้องเป็นที่หนึ่ง เหมือนนักมวย คนแพ้ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครสงสาร หรือในนิยาย คนที่เป็นพระเอกก็ต้องชนะ..” และ “ชีวิตของคนเรา ถ้าทำอะไรให้เป็นที่หนึ่งแล้ว มักจะต้องดีเสมอ เมื่อจะทำการงานหรือทำสิ่งใด ก็ต้องทำใจให้เป็นหนึ่ง มุ่งอยู่ในงานนั้นจนสำเร็จ แม้การทำสมาธิ ก็คือการทำใจให้เป็นหนึ่ง คือเป็นเอกัคคตานั่นเอง...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 15-07-2009 เมื่อ 11:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา