ดูแบบคำตอบเดียว
  #16  
เก่า 25-02-2009, 19:58
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,289 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

“เจ้าคุณนรรัตน์ฯ”กับ”เจ้าคุณอุดมฯ”

เมื่อเอ่ยถึงชื่อพระภิกษุที่ใกล้ชิด กับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯมานานปีและสร้างพระเครื่องของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ไว้ มากที่สุด ก็เห็นจะไม่มีใครอีกแล้วที่จะเทียบเท่ากับอดีตท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ(ผาสุก ขาวผ่อง) ที่ถูกจับสึกออกไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนในคดี”เครื่องราช”อันอื้อฉาวนั่นเอง

“อดีตเจ้าคุณอุดมฯ”จะทำเองหรือไม่ทำเองอย่างไร จะผิดจริงหรือไม่จริงหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ใคร ๆ จะทราบให้ถ่องแท้ได้ แต่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯท่านคงรู้การทั้งปวงมาล่วงหน้าอย่างแจ้งชัดและเคยปรารภไว้กับคนใกล้ชิดของท่านมาก่อนหน้านี้แล้วว่า
“ ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ มีบารมีมาก สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างโรงเรียน ก็ทำสำเร็จได้ด้วยดี แต่ท่านจะเสียเพราะบริวารนะ....!??!”

โอวาท “๙” คำของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ

คุณประสิทธิ์ การุณยวานิช ได้ยินกิตติศัพท์ความเป็นพระสุปฏิปันโนแห่งท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯธมฺมวิตกฺโก จึงมีความศรัทธาเลื่อมใสและปรารถนาจะได้ทำบุญกับท่านด้วยเป็นอย่างยิ่ง จึงสู้อุตส่าห์ไปหาผ้าไตรมาถวายด้วยความยากเย็นนัก และเมื่อท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯรับแล้ว คุณประสิทธิ์จึงได้กราบขอธรรมะจากท่าน ซึ่งท่านธมฺมวิตกฺโกก็กรุณาอนุศาสน์สั่งสอนให้โอวาทว่า “ทุกสิ่งไม่เที่ยง อย่ายึดมั่นถือมั่น” ซึ่งท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯก็ได้ให้อรรถาธิบายสืบต่อไปอีกด้วยว่า
“๙ คำนี้เป็นหัวใจของธรรม ขอให้ท่องจำไว้ แล้วพิจารณาอยู่เสมอ ก็จะเห็นความจริง แลเมื่อปฏิบัติตามแล้ว จะเกิดความสุข ไม่เดือนร้อนต่อไปตลอดชีวิต.....”

เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี พระอรหันต์เจ้าผู้นำแห่งโครงการ”ช่วยชาติ”ที่ลือเลื่องที่สุดในยุคนี้ ได้เล่าไว้ด้วยองค์เอง เมื่อมีผู้มาพูดกับท่านว่า
“ผมไม่เชื่อหรอกว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพราะท่านไม่ได้อยู่ป่า ไม่ได้เที่ยวธุดงค์ ไม่ได้ไปวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพร และท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯก็ไม่เคยออกจากวัดไปไหนเลยด้วย....”

เมื่อได้ฟัง หลวงตามหาบัวจึงตอบกลับไปว่า
“คนที่มีความรู้แค่ ป.๓ จะไปมีความรู้เทียบเท่าชั้น ป.๗ ไม่ได้ คนที่มีความรู้ ป.๗ จะมีความรู้เทียบเท่าคนที่จบปริญญาตรีไม่ได้ ฉะนั้น จะไปด่วนสรุปอย่างนั้นไม่ได้นะ...!!!!”
และท่านหลวงตามหาบัวก็ยังได้ย้อนรำลึก ถึงเหตุการณ์ครั้งอดีตให้ฟังอีกด้วยว่า ในสมัยก่อน เมื่อกว่า ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เมื่อหลวงตาได้เดินทางลงมายังกรุงเทพมหานคร และได้ไปพักที่วัดเทพศิรินทร์ หลวงตามหาบัวในฐานะเป็นพระอาคันตุกะก็ได้ลงโบสถ์ทำวัตรเช้าวัตรค่ำที่พระ อุโบสถ วัดเทพศิรินทร์เช่นเดียวกับพระวัดเทพศิริทร์ด้วย

เพราะด้วยเหตุที่ท่านได้ยินกิตติศัพท์ของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯมาก่อนหน้านี้แล้ว หลวงตามหาบัวจึงได้ ”คิด” ว่า จะไปสนทนาธรรมด้วยท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯสักครา และในขณะที่ลงทำวัตรนั่นเอง เหมือนจะรู้ใจของหลวงตามหาบัวอย่างถ่องแท้มาก่อนล่วงหน้าแล้ว ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯก็ได้หันมา ”ยิ้ม” ให้กับหลวงตามหาบัวด้วย แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดสนทนาสิ่งใดกัน

ครั้นเมื่อทำวัตรเสร็จ ก็เหมือนมีกรรมมาบัง เพราะบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของหลวงตามหาบัวก็เข้ามา
กราบนมัสการหลวงตามหาบัวมากมายจนมืดค่ำถึงกว่า ๓ ทุ่มเศษ และท่านธมฺมวิตกฺโกก็กลับกุฏิไปแล้ว ทำให้หลวงตามหาบัวท่านไม่มีโอกาสได้สนทนาธรรมกับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เลย

ต่อมาวันรุ่งขึ้น หลวงตามหาบัวก็มีเหตุให้ต้องกลับจังหวัดอุดรธานีโดยเร่งด่วน ทำให้ไม่ได้พบกับท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกอีกจนแล้วจนรอด แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจก็พลันบังเกิดขึ้น เมื่อท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯได้ถามหาหลวงตามหาบัวกับพระภิกษุที่หลวงตามหาบัวไปพักด้วยว่า “ไหนว่าท่านมหาบัวจะมาสนทนากับผม ผมรอท่านตั้งนานไม่เห็นมา..????”

แม้นี้ ย่อมเป็นเครื่องแสดงให้แจ้งชัดอย่างไม่มีที่เหลือให้สงสัยว่า อันญาณรู้แห่งท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯนั้น สามารถล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของทุกผู้คน ไม่เว้นแม้แต่ ”จิตพระอรหันต์” ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จนหลวงตาท่านเองยังต้องปรารภไว้ในกาลต่อมาว่า “ใครจะมารู้วาระจิตของเราได้ นอกจากจะต้องเป็นผู้มีภูมิธรรม ปัญญาธรรมเสมอกับเรา..??” นั่นก็ย่อมหมายความอย่างตรงไปตรงมาที่สุดว่า ท่านหลวงตามหาบัว ก็ยอมรับว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) แห่งวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานครองค์นี้ ก็คือ ”พระอรหันตเจ้า” ด้วยเช่นกัน จึงสามารถ ”อ่านใจ” และ ”รู้วาระจิต” ของท่านอย่างทะลุปรุโปร่งได้เห็นปานนี้ และอย่างชัดเจนที่สุด หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนก็ได้เคยพูดถึงท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯกับท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก แห่งวัดป่านาคำน้อยในเวลาต่อมาว่า
“ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯเป็นอรหันต์กลางกรุง และเป็นพระที่สันโดษมาก....” จากการทั้งหลายทั้งปวงดังที่ได้ยกขึ้นมาเล่าแจ้งทั่วกันดังกล่าวนี้ ย่อมแสดงให้เห็นชัดอย่างที่สุดถึงประโยคที่ว่า “อรหันต์ย่อมรู้ในอรหันต์” มีความ”สมจริง”และ”จริงจัง”อย่างที่สุดเห็นปานใด????

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 15-07-2009 เมื่อ 11:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา